วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2562

เก็บเงินซื้อรถคันแรกกันดีกว่า

 

พอทำงานได้สักพัก เชื่อว่าทุกคนก็ฝันอยากมีรถสักคัน การเป็นเจ้าของรถคันแรกในชีวิตเป็นจริงได้เสมอ ถ้าเราตั้งใจแน่วแน่ที่จะเก็บเงินซื้อรถยนต์ สิ่งสำคัญคือ เก็บเงินซื้อรถคันแรก ต้องวางแผนออมเงินอย่างมืออาชีพ แล้วจะเก็บเงินอย่างไรดี?


ตรวจสอบรายได้ตัวเองให้ดีก่อน

ก่อนจะซื้อรถยนต์คันแรกซึ่งเป็นของราคาแพง เราต้องตรวจสอบรายได้ตัวเองก่อนว่าถ้าซื้อรถแล้ว เราจะยังมีอะไรกินไหม? ที่ไม่ใช่มาม่าอ่ะนะ มีรถแล้วเราต้องเอามือก่ายหน้าผากทุกสิ้นเดือนไหม? เราจะรอดไหม?

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561

วิเคราะห์พฤติกรรมยุคโซเชียล...ทำไมถึงโกหก?

โกหกกันไปทำไม?

ยุคแห่งการโกหก  (ภาพจาก www.pixabay.com)
      สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคโกหกตอแหลอย่างเต็มรูปแบบจริงๆ  เรามีข่าวคนโกหกระดับชาติเกิดขึ้นติดๆ กันมากมาย นี่เฉพาะที่ถูกจับได้ และเชื่อว่ายังมีคนโกหกตอแหลแฝงตัวในสังคมโดยเฉพาะสังคมโซเชียลอีกมหาศาล ตั้งแต่โกหกเล็กน้อยไปจนถึงโกหกคำโต นี่ยังไม่รวมบรรดาผู้มีอำนาจวาสนาที่รอวันสิ้นอำนาจ เราก็จะค้นพบการโกหกซุกซ่อนไว้ใต้พรมอีกมากมาย

   หรือว่า การโกหก แท้จริงแล้วคือตัวยาชั้นดีที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของคนที่ไม่กล้ายอมรับความจริง โดยผ่านกระบวนการโกหกเพื่อให้รู้สึกดี  สร้างภาพที่ดี และช่วยยกเยียวยาคนที่ไม่สมหวังในชีวิตจริงให้หลุดพ้นจากความผิดหวังด้วยการโกหกตัวเองและสังคมรอบข้าง 

     การโกหกไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน คนที่ชอบพูดโกหกจัดอยู่ในพวกมีอาการไม่ปกติ จากการศึกษาสาเหตุที่คนที่ชอบโกหกพบว่ามีหลายสาเหตุ วันนี้เราจะมาวิเคราะห์พฤติกรรมยุคโซเชียล..ทำไมถึงโกหก?


       สาเหตุแรกสุดของทำไมถึงโกหก ก็เพราะ คิดว่าการพูดโกหกไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนัก  การโกหกเล็กๆ น้อยๆ เป็นสิ่งที่ทำได้ ตราบใดเรื่องนั้นไม่ได้สร้างความเสียหายให้ตัวเองหรือสร้างความเสียหายให้กับใคร  คนพวกนี้จะโกหกเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน นานวันก็เริ่มเคยชิน โกหกไปเรื่อยเปื่อย ตราบใดที่การโกหกนั้นไม่มีใครจับได้  คนพวกนี้เราจะเจอะเจอในชีวิตจริงบ้าง คนพวกนี้จัดอยู่ในประเภทขี้โม้พูดเกินจริง

      สาเหตุที่สองโกหกเพราะไม่อยากจนมุม การโกหกแบบนี้จะเกิดขึ้นในสถานการณ์คับขันที่คนนั้นเข้าตาจน เช่นถูกจับได้ว่าทำความผิด หรือถูกกดดันเพื่อถามหาความจริงในขณะที่คนนั้นไม่สะดวกใจที่จะพูดความจริง เพราะพูดแล้วจะทำให้ตัวเองเสียหายหรือเกิดผลลบกับตัวเอง เลยต้องพยายามเอาตัวให้รอดจากสถานการณ์โดยการโกหกเพื่อให้หลุดพ้นจากการจนมุมไปให้ได้ก่อน

    สาเหตุที่สามทำไมถึงโกหกเพราะไม่อยากให้คนอื่นผิดหวัง ฟังดูเหมือนปรารถนาดีกับคนอื่น แต่จริงๆ แล้วเป็นการโกหกเพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่น คนพวกนี้มักจะเป็นคนประเภทสร้างภาพให้ตัวเองเป็น "คนดี" มักได้รับการยกย่องจากสังคมและคนรอบข้าง และอยากรักษาภาพความดีของตนเองนั้นไว้ให้นานแสนนาน แต่พอถึงวันหนึ่งเกิด "โป๊ะแตก" คนดีมักจะร่ำไห้ ขอความเมตตาจากสังคม ทั้งที่จริงๆแล้วตั้งใจโกหกเพื่อพยายามปกปิดตัวเองมาโดยตลอด ถ้าจับไม่ได้ก็จะโกหกต่อไปไม่หยุด

    สาเหตุที่สี่คือมีความจำเป็นต้องโกหกต่อยอดโกหกไปเรื่อยๆ กรณีนี้จะเริ่มต้นจากการโกหกเล็กๆ น้อยๆ แต่คิดไม่ถึงเพราะเรื่องราวการโกหกจากเล็กๆ แต่ถูกแพร่กระจายไปจนกลายเป็นโกหกเรื่องใหญ่ ทำให้ต้องแต่งเรื่องโกหกต่อไปเรื่อยๆ เหมือนตกกระไดพลอยโจร จะย้อนกลับมาที่เดิมก็ไม่ได้แล้ว เพราะเรื่องโกหกมันทับซ้อนกันจนใหญ่โตไปเรื่อยๆ กรณี  "พีท แผงแตก" พ่อค้าหวยมือบอน น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด คือแก้ตัวเลขหวยเล่นๆ แต่เรื่องราวมันไปไกลเลยต้องโกหกต่อ ยิ่งโกหกยิ่งดัง เลยต้องแต่งเรื่องโกหกซ้อนโกหกเข้าไปอีกจนสุดท้าย "โป๊ะแตก"นำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง

พิน็อกคิโอ คือตัวอย่างของการโกหก ทุกครั้งที่พูดโกหก จมูกจะยาวขึ้นเรื่อยๆ

       สาเหตุที่ห้าคือไม่รู้ว่านี่คือการโกหก นั่นก็คือคนที่พูดนั้นเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง อันนี้ออกแนวน่าสงสาร เพราะส่วนลึกแล้วพูดไปเพราะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นไม่จริง  ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในหมู่คนที่เชื่อในสิ่งเร้นลับไสยศาสตร์มักจะมาแนวนี้ เช่น ส่งจดหมายนี้ต่อไปเก้าฉบับแล้วจะถูกหวย ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วจะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น

       ทำไมถึงโกหกสาเหตุที่เจ็ดคือโกหกเพราะอยากให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง การโกหกแนวนี้จะเกิดกับคนที่ชีวิตจริงไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ เลยแต่งเรื่องโกหกที่อยากให้เป็นจริงขึ้นมาเสียเองเลย ตัวอย่าง บอยสกล ที่โกหกมาราธอนจากมัธยมจนกระทั่งมหาวิทยาลัย จะเห็นได้้ว่าเรื่องที่โกหกก็คือเรื่องที่เขาฝันอยากให้เกิดขึ้นในชีวิตจริงของตัวเอง

       นี่คือสาเหตุของเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงโกหก
       อ่านมาถึงตรงนี้ อาจเกิดคำุถามว่าแล้วทำอย่างไรถึงจะไม่โกหกล่ะ
       คำแนะนำอย่างเดียวก็คือ เราต้องยอมรับความจริงทุกอย่างให้ได้ เมื่อยอมรับได้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องไปโกหกเพื่อบิดเบือนความจริงนั้น
      แล้วถ้าเรายอมรับความจริงนั้นไม่ได้จะทำอย่างไร?
      ถ้ายอมรับไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหรืออธิบายสิ่งนั้นในเวลาที่เรายังทำใจไม่ได้  ใครถามก็ไม่จำเป็นต้องตอบ อาจเลี่ยงบอกไปว่ายังไม่สะดวกจะตอบ เราคงเคยเห็นนักการเมืองที่เดินหนีนักข่าว เมื่อนักข่าวถามคำถามสะเทือนซางที่ไม่อยากจะตอบ
         ไม่มีคำตอบ......ก็ยังดีกว่า "คำตอบที่โกหก" 
       เพราะความลับไม่มีในโลกนี้ 
       วันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว ทุกเรื่องโกหกมันมักจะสุกงอมจน "โป๊ะแตก" เข้าสักวันจนได้

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561

สะสมเหรียญอย่างไรให้รวย

      คงได้อ่านข่าวเจอบ่อยๆ ว่าร้านรับซื้อของเก่าประกาศซื้อเหรียญสลึง เหรียญบาท เหรียญห้า เหรียญสิบ ที่มีลักษณะพิเศษในราคาสูงถึง 3,000 บาทบ้าง 5,000 บาท บางเหรียญราคาสูงหลายหมื่นบาท ตลอดจนหากเราท่องเว็บชื่อดังอย่าง ebay ก็จะเห็นมีผู้นำเหรียญเก่า ธนบัตรเก่าของไทยไปวางขายในราคาสูงเช่นกัน
มูลค่าเดิมที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเป็นพันเท่าถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียว  

หากตอนนี้เราอยากจะเป็น“นักสะสมเหรียญ” กับเขาบ้างจะทำอย่างไร? 

จะเก่าทันเวลาไหม?

การสะสมของเก่าก็คือการลงทุนด้วยกาลเวลา
ใหม่วันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า

ดังนั้นคำตอบคือ ทัน ไม่มีอะไรสายสำหรับคนสะสมของเก่า

เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่าไปหนึ่งวันแล้ว ถูกไหม?
อย่ามองข้ามเหรียญต่างๆ 


เก็บสะสมเหรียญอย่างไรดี
อย่างแรกสุดการสะสมเหรียญอย่างไรให้รวย คงไม่ใช่การหยอดเหรียญลงกระปุกให้มากที่สุด คือมีเหรียญอะไรก็โกยมาเก็บๆไว้ อย่างนั้นไม่เรียกว่าการสะสมเหรียญแน่นอน เพราะเหรียญที่ใช้กันอยู่ทุกวัน ใครๆ ก็มี นั่นไม่ใช่เหรียญสะสมแน่นอน!

แล้วเหรียญแบบไหนล่ะที่ควรสะสม
คำว่า เก็บสะสมเหรียญกษาปณ์ มีความหมายกว้างมาก เพราะหมายถึงเหรียญฯ หรือเงินตราต่างๆ จากอดีตถึงปัจจุบันมีมาช้านานมากกว่า 2,500 ปี ทั้งเหรียญต่างชาติ ต่างยุค ต่างสมัย ต่างถิ่นกำเนิด มากมายเหลือคณนานับ คนทั่วไปมักสะสมเหรียญจากอารมณ์ตัวเองประมาณว่าเห็นเหรียญไหนแล้วชอบ หรือไปประเทศไหนเจอเหรียญสวยถูกใจก็จะเก็บไว้ อันนี้ถือว่าเป็นการเก็บเพื่อความสุข แต่ไม่ใช่เก็บเพื่อเป็นการสะสมเพื่อทำเงิน เพราะเหรียญเหล่านั้นอาจสวยสำหรับคุณ แต่ไม่ได้โดดเด่นในหมู่นักสะสม  ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือเวลาคุณนำเหรียญที่เก็บออกมาอวดหรือเล่าว่าตัวเองมีเหรียญโน้นนี้ ปรากฏว่าใครเขาก็มีกันทั้งนั้น ลองคิดกลับกัน หากเหรียญที่คุณนำออกมาอวดโชว์ ปรากฏว่ามีคนอยากดูอยากเห็นมาก เพราะไม่เคยเห็นที่ไหน นั่นแสดงว่าคุณเริ่มมาถูกทางการสะสมเหรียญอย่างไรให้รวยแล้ว!

เริ่มต้นเป็นนักสะสมเหรียญ
วิธีเริ่มต้นจะเป็นนักสะสมเหรียญก็คือควรกำหนดและตัดสินใจให้ดีว่าจะสะสมเหรียญกษาปณ์ในกลุ่มใด ประเภทไหน ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละบุคคล จะเลือกสะสมเหรียญฯ ทองแดง บรอนซ์ เงิน หรือ ทองคำ ของประเทศใด ยุคไหน สมัยใด เหรียญกษาปณ์โบราณ หรือ เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน

          ตัวอย่างมีมากมาย หลายคนสะสมเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน มีทุกรุ่นทุกแบบ รวมแล้วเป็นปี๊บหนักหลายร้อยกิโล หากประเมินราคากลับได้ไม่เท่ากับผู้อื่นที่มีเหรียญฯ เพียงหยิบมือ คือ มีเพียงไม่กี่เหรียญฯ ทว่าเป็นเหรียญหายากมีราคาสูง เป็นที่ต้องการของนักสะสม ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่คิดจะเริ่มเก็บเหรียญฯ เพื่อการสะสม หรือ เพื่อการลงทุน ควรทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ดี การสะสม คือ การซื้อเวลา ปรากฏว่าเหรียญฯ ที่ได้เก็บสะสมมาพร้อมๆ กันเหล่านั้น บางเหรียญฯ มีราคาซื้อขายสูงมาก บางเหรียญฯ มีราคาซื้อขายไม่สูงนัก และบางเหรียญฯ มีราคาซื้อขายไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป

          นักสะสมเหรียญทุกผู้ทุกนามย่อมมีความทะเยอทะยานอยากได้ชื่อว่า เป็นผู้ครอบครองของมีค่าหายาก ท่านผู้ใดหากมีฝันเช่นนี้ ต้องมี ความมุ่งมั่น ความเป็นเลิศ ความเป็นที่หนึ่ง และต้องหมั่นศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ ในกลุ่มเหรียญที่สนใจตั้งใจสะสม มีความเพียรพยายามที่จะเสาะหา ติดตามด้วยความสุขุม มีความละเอียดรอบคอบ ศึกษาเรียนรู้จากผู้มีความรู้ พยายามให้ได้เห็นและรู้จักเหรียญแท้ ต้องมีหนังสือตำราและคู่มือเหรียญสำหรับเปรียบเทียบอ้างอิง

คำแนะนำจากร้านรับซื้อเหรียญสะสม
                จะสะสมเหรียญอย่างไรให้รวย เริ่มต้นก็คือเวลาได้เหรียญหรือได้ธนบัตรมา เราควรเพ่งพิจารณานอกเหนือจากดูว่าเป็นของปลอมหรือเปล่าแล้ว สิ่งสำคัญที่นักสะสมควรสังเกตให้ดีก็คือเหรียญหรือธนบัตรมีสิ่งที่ผิดแผกจากเหรียญหรือธนบัตรทั่วไปหรือไม่ เช่น ตัวอักษร ความหนา ความมนกลม ความแวววาว ความแปลกตาไม่เหมือนเหรียญทั่วไป หากเห็นอะไรสะดุดตาให้ลองเก็บไว้ก่อน ไม่แน่คุณอาจจะโชคดีจากเหรียญสะสมก็เป็นได้
ภาพจากร้านปาหนัน จิวเวอรี่

อย่ากรณีเหรียญสลึง ปี 2500 ที่ร้านรับซื้อก็คือ ตัวหนังสือด้านหลังเหรียญ คือ ตัว พ. พาน จะต้องมีขีดลงระหว่างกลาง ไม่ได้ลงท้ายที่หางตัวอักษร ราคาซื้อสูงถึงเหรียญละ 30,000 บาทเลยทีเดียว

       สุดท้ายแล้วเหรียญหรือธนบัตรที่สะสม แม้ไม่ได้ราคาสูงเท่าที่ตั้งใจ แต่มูลค่าเดิมก็ยังคงอยู่ จะว่าไปการสะสมเงิน ไม่มีอะไรเสีย มีแต่ได้กับได้
        ได้เท่าเดิม..ได้มาก..ได้น้อย 
       มันต้องได้อะไรสักอย่างนี่แหละ







วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

8 มนุษย์เจ้าปัญหาในองค์กร

หากคุณทำงานในองค์กร
รับรองเจอแน่นอน 8 มนุษย์เจ้าปัญหา!

คนพวกนี้มีคุณสมบัติเดียวกันคือ ใครหลงไปดีลงานด้วยแล้วจะปวดหัว เนื่องจากสร้างความน่ารำคาญได้อย่างเหลือเชื่อ
ว่าแล้วเรามาส่องกันดีกว่า ว่าเพื่อนร่วมงานน่าเบื่อ 8 ประเภทมีใครบ้าง

1.
มนุษย์เจ้าปัญหากลุ่มแรก เรียกว่า พวกรถถัง หรือ The Tank นิสัยรถถังคือไม่สนความทุกข์ร้อนใคร แต่ถ้าใครมาสะกิดหรือมีอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจ อาการรถถังเขาจะกำเริบทันที นั่นคือพุ่งเข้าชนประจันบานให้แตกหักกันไปข้างหนึ่ง ใครๆ ก็เลยไม่อยากยุ่งกะรถถัง เพราะถ้าเกิดเหตุไม่พอใจขึ้นมา เราจะโดนหนักมาก
photo:www.pixabay.com


2.
นักลอบสังหาร หรือ The Sniper อีคนพวกนี้จะซับซ้อนกว่ารถถัง เวลาพูดคุยมีปัญหาไม่พอใจอะไรเรา ก็จะแค่ยิ้มๆ ไม่ค่อยแสดงออกว่ารู้สึกอย่างไรกับเรากันแน่ แต่พอเราผิดพลาด หรือถึงมีจุดอ่อนเท่านั้นแหละคุณขา คนพวกนี้จะไม่รอช้าที่จะออกมากระทืบซ้ำทันที เรียกว่าเป็นนักซุ่มโจมตีใจเย็น

3.
ระเบิดลง หรือ The Grenade เป็นมนุษย์เจ้าปัญหาที่รับมือยากสักหน่อย เพราะพวกนางจะปกติมาก น่ารัก แสนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่วันดีคืนดีเราไปสะกิดต่อมอะไรนางเข้า เราจะงงมากว่ามึงจะโกรธอะไรกูนักหนา พวกระเบิดจะแผลงฤทธิ์โกรธเกรี้ยวได้สุดๆ จนคุณคาดไม่ถึง ชนิดควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ใครที่มีคนพวกนี้อยู่ใกล้ตัว เรียกว่ามีโอกาสถูกกระทืบได้ง่ายๆ ทีเดียว

4.
พวกรู้ทุกเรื่อง  พวกนี้ออกแนวน่ารำคาญ เวลาประชุมถ้าเจอคนพวกนี้ เราจะซวยมาก เพราะต้องฟังพวกเขาพล่ามน้ำไหลไฟดับจนเราแทบจะหลับค่าโต๊ะ เขาจะพูดๆๆๆๆๆ เพราะถือว่า "กูรู้ดีกว่ามึง" แต่พอมีใครอยากจะแสดงความเห็น ไอ้พวกกูรู้ จะไม่ยอมฟังใคร

5
พวกทำได้หมด  นี่คือมนุษย์เจ้าปัญหาจำพวก The Yes Person  มักจะพบเจอในหมู่ข้าราชการชั้นผู้น้อย เวลานายพูดอะไร ก็จะพูดแต่ว่า "ทำได้ครับ ถูกแล้วครับท่าน จริงครับท่าน เห็นด้วยครับ คืออะไรๆ ก็รับหมด ยอมทุกอย่างเลย แต่ส่วนใหญ่แล้วทำไม่ได้อย่างที่รับปากสักอย่าง



6
พวกอะไรๆ ก็ไม่เอาซักอย่าง หรือ The No Person อีพวกนี้เวลาดีลงานด้วยแล้วคุณจะอยากกระโดดเตะก้านคอมัน ไม่ว่าจะเสนออะไรมา หรือใครเสนอไอเดียใหม่ๆ  มันก็จะคอยขัดขวาง ทำให้คุณหมดกำลังใจ บอกแต่ว่าทำไม่ได้หรอก หาข้อติแม่งทุกเรื่อง อะไรๆ ก็เป็นปัญหาหมด วันๆ สิ่งที่ได้ยินจากปากมนุษย์เจ้าปัญหากลุ่มนี้คือ ไม่ได้ ไม่ดี ไม่น่าทำ อย่าทำเลย!  ไม่ถูกต้องตามหลักการ

7.
พวกไม่ยอมบอกอะไรเลย  หรือ The Nothing Person นี่เป็นมนุษย์เจ้าปัญหาที่สามารถอยู่เนียนๆ ไปกับองค์กรได้อย่างมีความสุข สาเหตุไม่ใช่มันเก่ง แต่เพราะมันไม่ยอมบอกปัญหาอะไรเลย คนพวกนี้จะชอบทำงานเงียบๆ คนเดียว มีอะไรจะเก็บงำไว้เงียบเชียบ มีปัญหาหรือไม่พอใจอะไรก็ไม่พูด ไม่รู้อะไรก็ไม่ถาม ซุกทุกอย่างไว้ใต้พรมและนั่งทับไว้ รอจนปัญหาสุกงอมแล้วคนมาเจอนั่นแหละ ถึงจะโป๊ะแตก!



8.
มนุษย์ป้าขาวีน หรืออีพวก The Whinner คนพวกนี้อะไรๆ ก็วีนแตกได้หมดชีวิตไม่เคยมีอะไรสดชื่นเลย วีนตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนเรื่องใหญ่ แค่เดินเข้าออฟฟิศมา ก็วีนได้ตั้งแต่ยามเปิดประตูช้า แม่บ้านเช็ดกระจกไม่สะอาด โต๊ะมีฝุ่น แก้วน้ำไม่สะอาด รำคาญเสียงเรียกเข้ามือถือคนอื่น คือเรื่องเล็กเรื่องน้อย ทุกเรื่องเป็นปัญหาหมด ไม่มีใครทำอะไรถูกใจป้าเลยสักอย่าง ใครดีลงานด้วยนี่เหนื่อยยิ่งกว่าทำนาเสียอีก

นี่แหละ 8 มนุษย์เจ้าปัญหาในองค์กรที่ชาตินี้คุณต้องพบเจอแน่ๆ เตรียมรับมือกับคนพวกนี้ให้ดีเหอะ
ในทางกลับกันถ้าหากคุณก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ประเภทนี้ โอ๊ย..ตายๆๆๆ ขอแนะนำให้รีบปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเองโดยเร่ง!ด่วน ถ้าไม่อยากให้เพื่อนเกลียด ! 







วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

วิธีหาผู้ชายดีๆ ฉบับลับสุดยอด !

    ผู้หญิงชอบบ่นว่า "จะหาผู้ชายดีๆ ได้ที่ไหน"
   "ผู้ชายดีๆ หายไปไหนหมด"
   "มีเหลืออีกไหม..ผู้ชายดีๆ"
   
     คำตอบคือ ผู้ชายดีๆ ยังมีอยู่แน่นอน เพียงแต่ผู้ชายดีๆ มีเจ้าของหมดแล้ว !


    โยะชิโอะ ยะชุตะ นักเขียนชาวญี่ปุ่นให้คำแนะนำผู้หญิงเรื่อง "การหาผู้ชายดีๆ" ได้น่าสนใจมากที่สุด เขาเขียนไว้ว่า " ผมมักจะบอกพนักงานผู้หญิงในบริษัทว่า จะหาผู้ชายดีๆ ให้ได้ ก็ต้องหาจากผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้ว ไม่ใช่เลือกจากผู้ชายโสด"

   เป็นคำแนะนำที่่สาวๆ อ่านแล้วคงช็อคแป๊บนึง..
 เขาเขียนต่อไปว่า  "ผู้หญิงที่โอดครวญว่าไม่เจอผู้ชายดีๆ สักคน ส่วนใหญ่จะมองว่าผู้ชายที่มีแฟนแล้วอยู่นอกกลุ่มเป้าหมาย" เราคงเถียงกันว่า ก็แน่อยู่แล้ว ไปแย่งของคนอื่นมาได้ไงกัน

  แต่ตลาดไม่มีของดีเยี่ยมเหลืออยู่หรอก...ที่เหลืออยู่มีแต่ของไม่มีใครอยากซื้อ ซึ่งก็คือผู้ชายที่ไม่มีแฟน ต่อให้หาเท่าไรก็หาไม่เจอ
  คำแนะนำของเขาก็คือ "กฎเหล็กของการหาผู้ชายดีๆ คือ หาจากผู้ชายที่มีแฟนแล้ว"
   โยชิโอะบอกว่า ไม่ได้บอกให้ไปแย่งมา แต่....เมื่อใดที่พบผู้ชายที่ดีที่มีแฟนแล้ว
      ไม่ต้องไปแย่ง แต่ขอให้ไป"จอง" !

     เพื่อให้การหาผู้ชายดีๆ ทำได้เร็วขึ้น อย่าได้ตัดตัวเลือกเหลือแค่คนเดียว แต่ถ้าเจอผู้ชายดีๆ สักสิบคน ก็ให้ "จอง" ไว้เลยทั้งสิบคน แล้วรอๆๆๆๆๆๆ  ผู้ชายบางคนเวลาผ่านไปแค่ปีเดียว ก็มักจะเลิกกับแฟน..คุณที่ได้จองเขาไว้ ก็มีโอกาสรีบเข้ามาแทนทันที..(ว้าย..ถูกใจไหมล่ะ)
ภาฟฟรีจาก https://www.pexels.com/search/couple/


    โยชิโอะยังทิ้งท้ายไว้ว่า "สิ่งสำคัญคือเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่คุณจองมีทีท่าจะเลิกกับแฟน ก็ขอให้คุณรีบหาลู่ทางเพื่อให้เขาติดต่อคุณได้" คุณควรสร้างฐานความรู้จักกับเขาไว้ก่อน รวมทั้งสร้างฐานจากคนรู้จักเขาเ่ช่นเพื่อนๆ ของเขา

     งานเขียนชิ้นนี้น่าสนใจตรงโยชิโอะบอกว่า ทีกระเป๋ายอดฮิต ขนมเค้กดังๆ ผู้หญิงยังอดทนไปยืนรอต่อคิวได้เป็นนานสองนาน เพื่อจะได้ผู้ชายดีๆ มาสักคน การไปจองและรอไว้ล่วงหน้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่จะได้ผู้ชายดีๆ มาเป็นของเรา..

     คำแนะนำนี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน การ"จอง"ผู้ชายดีๆ ไว้สักสิบคน ก็น่าจะมีสักคนหลุดมาถึงมือเราบ้างล่ะ ยิ่งสมัยนี้คนเลิกกันง่ายจะตาย

     ลองทำตามที่เขาบอกแระกัน ผู้ชายดีๆ หายาก.. แต่จองได้..จองเลยแระกัน 
คำเตือน แค่ไปจอง แต่อย่าไปแย่ง! อย่าได้ไปวุ่นวายขณะที่เขายังรักกับภรรยา
 มิฉะนั้น คุณอาจจะตายก่อนจะได้ผู้ชายมาเชิยชม 


(ข้อมูลจาก หนังสือเรื่อง ทิ้ง 1 ให้ได้ 100 ทิ้งน้อยให้ได้มาก เขียนโดย โยะชิโอะ ยะซุดะ สำนักพิมพ์ welearn)


อ่านเรื่องต่อไป "รู้ได้อย่างไรว่าใครรักคุณ"