วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

ปรัชญาชีวิต..ที่ได้จากการเลี้ยง"แมว"

     แม้อาชีพหลักของฉันคือทำงานเกี่ยวข้องกับหนังสือ แต่อาชีพหลักยิ่งกว่าก็คือการเลี้ยงแมว งานเลี้ยงแมวไม่เคยก่อให้เกิดรายได้..แต่ก่อให้เกิดความสุขไม่มากก็น้อย..หลายปีที่ผ่านมา ฉันค้นพบปรัชญาชีวิตหลายอย่างจากการเลี้ยงแมว

    ประการแรกคือ แมวกินอาหารอย่างสมถะ นี่คือบัญญัติที่คุณหมอดีปัก โชปา คุณหมอคนดังระดับโลกบอกไว้ว่า หากอยากอายุยืน สุขภาพดี ต้องกินอาหารแต่พอดี ซึ่งพวกแมวต่างรู้ความลับข้อนี้เป็นอย่างดี แมวกินอาหารน้อย จนคนมักเปรียบเปรยคนที่กินน้อยว่า กินเหมือนแมวดม และการกินน้อยทำให้แมวมีสุขภาพดี ปราดเปรียว ว่องไว ที่สำคัญแมวกินน้ำเปล่า แมวไม่ชอบกินน้ำอัดลม ไม่กินเหล้า ไม่กินเบียร์ แมวกินน้ำเปล่าที่เหมาะกับสุขภาพและยังทำให้ไม่สิ้นเปลืองเงินอีกด้วย

ประการที่สอง แมวไม่สะสม เมื่อแมวกินอิ่ม แมวจะไม่เสียดายอาหารที่เหลือ อิ่มแล้วคือจบ  แมวไม่คิดกลุ้มใจไปถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะกินอะไร เก็บอาหารวันนี้ไว้พรุ่งนี้ดีไหม วันนี้สำหรับวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ ซึ่งทำให้เราได้คิดว่าเวลาสำคัญที่สุดในชีวิตคือ ปัจจุบันขณะ หากคิดฟุ้งซ่านไปถึงวันพรุ่งนี้ วันนี้จะผ่านไปอย่างเปล่าดาย แมวสอนให้รู้ว่า ชีวิตวันนี้คือวันนี้เท่านั้น ไม่ใช่วันอื่น ซึ่งตรงกับศาสนาพุทธที่สอนให้คนเราหมั่นพิจารณาสติ เพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง พรุ่งนี้อาจมาไม่ถึง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือทำปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด

ประการที่สาม แมวไม่เบียดเบียนโลก แมวช่วยลดโลกร้อน เพราะแมวไม่ขึ้นรถ แมวอยากไปไหนก็จะเดินไป ใกล้ไกลไปธุระส่วนตัว ไปจับหนู ไปหาตัวเมีย ฯลฯ แมวจะพึ่งพิงกำลังขาตัวเอง ไปได้แค่ไหนไปแค่นั้น ไม่เคยร่ำร้องซื้อรถ ไม่ใช้น้ำมัน ไม่ร้องให้เจ้าของพาไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่

ประการที่สี่ แมวรู้จักปล่อยวาง ฉันเคยเฝ้ามองแมวที่นั่งรอจับนกนานหลายชั่วโมง  เมื่อนกบินมาใกล้จนถึงระยะที่จะตะครุบได้ แต่เมื่อแมวกระโจนขึ้นไปจับ นกกลับไหวตัวทันบินหนีไปอย่างลอยนวล เวลาหลายชั่วโมงที่แมวทุ่มเทคือความล้มเหลว ฉันเห็นแมวนั่งลงเงียบๆ ไม่มีสีหน้าผิดหวังใดๆ แมวเลียตัวอย่างสบายใจ และลืมความผิดหวังนั้นอย่างรวดเร็ว และเฝ้ารอคอยนกตัวต่อไปอย่างใจเย็น ไม่ฟูมฟายกับความผิดหวังที่ทุ่มเทมาตลอดทั้งวัน แต่กลับเริ่มต้นใหม่อย่างสดชื่นแจ่มใสต่อไป

ประการที่ห้า แมวไม่ตกเป็นทาสความโกรธ  ข้อนี้ต้องรวมถึงบรรดาหมาเข้าไปด้วย คุณอาจจะเคยตีหมาหรือตีแมวด้วยความโกรธที่พวกมันทำลายข้าวของราคาแพง หรือทำความผิดร้ายแรง ตลอดทั้งวันคุณมีแต่ความคิดโกรธแค้น แต่สำหรับแมวและหมาแล้ว ไม่เกินห้านาที พวกมันจะลืมความขุ่นข้องหมองใจทั้งหมด แมวลืมที่คุณตีมัน ส่วนหมาก็กระดิกหางให้คุณเหมือนเดิม ผิดกับมนุษย์ที่เจ้าคิดเจ้าแค้น แบกความโกรธไว้นานเป็นวันๆ  ทั้งๆ ที่มีสติปัญญหาเหนือกว่าแมว แต่ไม่สามารถปล่อยวางได้รวดเร็วเหมือนแมว

      ยังมีปรัชญาแมวอีกหลายเรื่องราวที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังต่อๆไป แมวรู้เคล็ดลับที่ทำให้ตัวเองมีความสุข ซึ่งผิดกับมนุษย์ที่ต้องดิ้นรนหาความสุขตลอดเวลา โดยไม่รู้ว่าความสุขแท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน..
    ด้วยเหตุผลทั้งปวง..เวลาฉันรู้สึกทุกข์ใจ เกิดความโลภ โกรธ หลง สิ่งที่เตือนสติฉันได้ทันทีก็คือมองไปที่แมว แล้วโลกขุ่นมัวของฉันก็ฉับพลันสว่างไสว..

     แม้การเลี้ยงแมวไม่ก่อให้เกิดรายได้..แต่ก็ก่อให้เกิดความสุขเล็กๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์..ไม่เชื่อคุณต้องลองเลี้ยงแมวสักตัว..^ ^