วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

Let's sea เที่ยวทะเลในม่านฝน


     ปกติเดือนกันยายนฤดูฝนควรจะจากจรไปจากเรา  และน่าจะถึงเวลาของการออกเดินทางท่องเที่ยวกันได้แล้ว.. แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เดือนกันยายน ปี 2555 ฟ้าฝนยังคะนอง ตกอย่างกระหน่ำหนักไม่เกรงใจใคร.. แต่ครั้นจะให้นอนจมปลักกันอยู่แต่ในบ้าน รอหมดฝนก็คงจะไม่เข้าที อย่ากระนั้นเลยเราควรออกไปยืนมองทองฟ้า และให้ฝนสาดซัดร่างกลางทะเลกันดีกว่า....

   คิดได้ดังนั้น ฉันจึงเก็บกระเป๋าตามเพื่อนหนึ่งโขลงไปเที่ยวทะเลกันตามประสาหญิงสูงวัย ที่มีนโยบายการท่องเที่ยวชัดเจนมากคือ "อยู่นิ่งๆ ขอแค่กินกับนอน" นั่นคือไม่เน้นประกอบกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ทะลใกล้ๆ อย่างพัทยา ชะอำ ก็แสนจะคราคร่ำไปด้วยผู้คน เกรงว่าจะไม่เป็นสุขในการนิ่งสงัดอย่างสงบของพวกเรา จึงจำเป็นต้องคิดขยับตัวออกไปให้ไกลอีกสักนิด ทุกคนคงคิดว่าตัวเองเป็น "ปริศนา" ดังนั้นสถานที่เป้าหมายของสาวอย่างพวกเราจึงพุ่งเป้าไปที่ "หัวหิน" นั่นเอง

  แม้เราจะชอบเพลงหัวหินสิ้นมนตร์รัก โดยเฉพาะท่อน "หัวหินเป็นถิ่นสัมพันธ์ ขาดเธอกลับพลันเงียบเหงา ฮือ ฮือ ฮือ อือ" แต่พวกเราไม่เคยเหงา และไม่เคยสิ้นรักหัวหินเลยแม้แต่น้อย ไปกี่ครั้งก็ยังรักและภักดีไม่เคยเปลี่ยนแปลง ส่วนสถานที่เราเลือกไปพักสำหรับการพักผ่อนตามคอนเซ็ปท์ "อยู่นิ่งๆ กินกับนอน"ให้สบายสุดขีดครั้งนี้  เราได้เลือก let's sea เป็นสถานที่เป้าหมาย


       เพื่อนตีนผีของฉันต้มกาแฟรสชาติไฮโซให้ทุกคนดื่มย้อมใจก่อนออกเดินทางตอนตะวันสายโด่ง และไม่เกินสองชั่วโมงหล่อนก็พาทุกคนไปกิน กุ้ง หอย ปู ปลา ที่้ร้าน lucky ที่แม้ชื่อจะไม่เหมือนร้านอาหาร แต่พานทำให้คิดถึงน้องแมวน้องหมาที่บ้าน แต่อาหารก็อร่อยคลายความหิวได้ชะงัดยิ่งนัก หลังจากนั้นเพื่อนตีนผีก็พาคณะทัวร์ไปถึง let's sea ท่ามกลางฝนตกพรำ ๆ และมหกรรมการปลูกสร้างสถานที่พักกันอย่างครึกโครมในบริเวณใกล้เคียง แต่อย่าไปสนใจมันเลย เมื่อรับกุญแจห้องพัก เราก็ก้าวเข้าสู่ที่พักที่เราหวังจะมากบดานพักผ่อนกันให้สาสมใจ...และ ณ บัดนี้ ขอเชิญทุึกท่านมาร่วมชื่นชมความงามของห้องพักกันดีกว่า จะได้รู้ว่าทำไมถึงได้ถูกใจสาวใหญ่อย่างพวกเราเป็นนักหนา เริ่มต้นจากเปิดประตูด่านแรกกันก่อนเลย
เมื่อเิปิดประตูก้าวเข้ามาในห้อง

     ก้าวแรกที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพัก คุณจะเห็นผนังอิฐมอญตัดกับประตูไม้สีฟ้า ดูดีมีสไตล์อย่างมาก เมื่อก้าวเข้ามาถึงด้านใน จะเห็นการตกแต่งห้องพักที่ดูเก๋ไก๋อย่างพอเหมาะพอควร


เริ่มต้นจากเตียงนอนที่่มีขนาดกว้างขวางมาก จัดเตรียมไว้สำหรับนอนสองคนที่สามารถนอนดิ้นสบายๆ โดยมือและเท้าต่อให้แกว่งไกวแดนซ์กระจายขนาดไหน ก็ไม่มีวันไปพาดคอเพื่อนร่วมเตียงอย่างแน่นอน  ทำให้นอนสบายมากไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนเพื่อนเคียงข้าง โดยเฉพาะที่นอนและหมอนที่่ใช้วัสดุอย่างดีเลิศ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลชวนฝันอย่างเหลือเกิน หากใครนอนแ้ล้วติดใจจะหอบกลับบ้าน  เขาก็มีจำหน่ายสามารถซื้อกลับไปนอนต่อที่บ้านได้ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากปัญหาเรื่องเงินอย่างเดียว เพราะสนนราคาที่นอนคือหลักหมื่น และหมอนนั้นหลักพัน







        ถัดจากเตียงนอน ขอให้มองไปทางด้านซ้ายหัวเตียง จะมีกระจกใสติดผนัง เพื่อให้แสงรอดผ่านส่องสว่างยามกลางวัน ส่วนทางด้านขวาจะมีโคมไฟทรงยาวให้ความสว่างยามกลางคืน ไม่รบกวนสายตาแต่อย่างใด ถัดมาที่ผนังด้านซ้ายคือตู้เสื้อผ้าอันแสนกว้างขวาง ใส่เสื้อผ้าได้หลายโหล โดยทำเป็นประตูไม้เลื่อนเปิดปิดให้ความรู้สึกเหมือนผนังไม้สบายตาดูเป็นธรรมชาติ

    สิ่งที่โด่ดเด่นที่สุดของห้องพัก คงต้องยกให้บันไดวนที่ััตัดกับผนังสีส้ม     เราสามารถไต่บันไดขึ้นไปบนดาดฟ้าส่วนตัวของใครของมันได้อย่างสะดวกสบาย  สามารถนอนชมดาวยามกลางคืนโดยมียุงเป็นเพื่่อนได้ตลอดคืน แต่เจ้าของสถานทีี่่่่มียากันยุงเตรียมไว้พร้อมแล้ว ดังนั้นอย่าได้กลัวยุงเป็นอันขาด  นอกจากนี้เขายังเตรียมเทียนใส่ในแก้วใส ไว้ให้คุณสามารถจุดสร้างความโรแมนติคถ้ามาคนเดียว และสร้างความอีโรติคถ้ามาสองคนกับคนรักและอยากซุ่มทำบางสิ่งที่เร้าใจ ในความมืด                                                    


จุดชมวิวข้างหน้าต่าง ที่สามารถดัดแปลงเป็นที่นอนเสริมได้ สามารถนั่งเล่น นอนเล่น มองวิว มองคนว่ายน้ำในสระได้อย่างสุขใจ

ห้องน้ำกว้างขวางมาก
มินิบาร์ที่มีทุกสิ่งครบถ้วนถูกใจคนรักแอลกอฮอลล์เป็นยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นเหล้า ไวน์ เบียร์ วอดก้า พร้อมกลับแกล้มอีกสาระพัด



สุดท้ายมาถึงห้องน้ำที่มีขนาดกว้างใหญ่ สามารถตั้งวงตะกร้อได้อย่างสบาย ๆ ภายในมีอ่างล้างหน้าขนาดยาวมาก สามารถล้างหน้าพร้อมกันได้สองสามคน (แต่คำถามคือจะล้างพร้อมกันไปทำไม ) มีอ่างอาบน้ำ และฝักบัว ที่แยกเป็นสัดส่วนได้เซ็กซี่ หากคิดจะอาบน้ำพร้อม ๆ กันสองคน คนหนึ่งแช่ร่างในอ่าง และเพ่งมองไปก็จะเห็นแผ่นหลังอันเปล่าเปลือยของอีกคนที่กำลังหันหลังอาบฝักบัว แค่คิดก็วาบหวิวเสียนี่กระไร

 บรรยากาศอบอุ่นและแสนสบายของห้องพัก เหมาะแก่การจมปลักพักผ่อน หยุดวันเวลาไว้ ณ ที่ตรงนั้น และหากหิวโหย ก็แค่แวะไปรับประทานอาหารอร่อยสารพัดเมนูที่ห้องอาหาร และนั่งชมทะเลกันอย่างเบิกบานหัวใจ...สามารถกึ่งนั่งกึ่งนอนไปเรื่อยๆ จนกวาจะสาแก่ใจทะเล

แม้จะเป็นการเที่ยวทะเลท่ามกลางม่านฝน..แต่ก็ทำให้เราสุขใจ คำกล่าวที่ว่า "อยู่ใต้ฟ้า จะกลัวอะไรกับฝน" นั้นเป็นจริงยิ่งนัก...หากรักจะออกเดินทาง..ก็จงก้าวเดินออกไป..ง่ายๆ แค่นั้นเอง 

ความสุขเริ่มต้นที่ปลายเท้า..ความรักอยู่ที่สุดปลายฟ้า ^ ^




Let's sea , let me be there.