วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

บทเรียนจากหอยนางรม


ความทุกข์มักจะมาเคาะประตูหัวใจในวันที่ชีวิตผิดหวังพ่ายแพ้ มันเปิดประตูพาตัวเองเข้ามา โดยไม่เคยถามไถ่ว่าเจ้าของหัวใจเต็มใจต้อนรับมันหรือไม่ และจะซ่อนตัวเงียบๆ อยู่อย่างนั้นวันแล้ววันเล่า จนกว่าเราจะหาวิธีขับไล่มันออกไปจากหัวใจ แต่ถ้าเรากำจัดมันออกไปไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความทุกข์อย่างเป็นสุขให้ได้เหมือนอย่างเรื่องราวของหอยนางรมที่จะเล่าให้ฟังดังนี้

นานมาแล้ว..มีหอยนางรมตัวหนึ่ง
มันรู้สึกเจ็บปวดทรมานที่มีเม็ดทรายเข้าไปเกาะติดอยู่ในเนื้อของมัน
แม้จะเป็นแค่ท่รายเม็ดเล็กๆ ก็ตามที แต่ก็ทำให้เนื้อตัวปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน
มันด่าทอโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตทุกข์ทรมาน
มันเฝ้าคร่ำครวญกับท้องทะเลว่าทำไมไม่ปกป้องมัน
เสียงร้องของความเจ็บปวดดังอยู่อย่างนั้น วันแล้ว วันเล่า เดือนแล้ว เดือนเล่า
ในที่สุดหอยนางรมก็บอกกับตัวเองว่า คงไม่มีใครช่วยอะไรฉันได้
แม้ฉันจะเจ็บปวดสักเท่าไร ฉันก็หนีออกจากเปลือกหอยไปไม่ได้
ดังนั้นฉันจะต้องพยายามปรับตัวเองเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้
คืนแล้ว..คืนเล่า..
หอยนางรมเฝ้าอดทนต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจบสิ้น
เวลาผ่านไปนานหลายปี..
ไม่มีใครได้ยินเสียงคร่ำครวญจากหอยนางรมอีกเลย..
เม็ดทรายเม็ดเล็กๆ ที่เคยทำให้หอยนางรมเจ็บปวดทรมาน
บัดนี้ได้กลับกลายเป็นไข่มุกที่สวยงาม ส่องสกาวสดใสในเนื้อของหอยนางรมตลอดกาล

ในชีวิต..เราอาจมีเม็ดทรายแห่งความเจ็บปวดฝังติดแน่นอยู่มากมาย อย่าปล่อยให้เม็ดทรายเหล่านั้นทำร้ายเราไปตลอดชีวิต จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และลองมองหาวิธีที่จะทำให้มันกลายเป็นไข่มุกของชีวิตให้ได้ในวันหนึ่ง..

(จากหนังสือ ไม่มีวันยอมแพ้..ขอแค่มีกำลังใจ)

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

ใช้ชีวิตให้เหมือนดินสอ..อย่าลืมเหลาดินสอกันบ้าง

คุณยังคงจำความรู้สึกที่ใช้ "ดินสอ" เขียนหนังสือสมัยยังเป็นเด็กได้ไหม จำได้ไหมว่าเพื่อนคนไหนใช้ดินสอทู่มะลู่ มักถูกคนครูดุว่าเป็นเด็กขี้เกียจ เพราะเด็กขยันควรลับดินสอให้แหลมทุกวัน เพื่อเวลาเขียนตัวหนังสือจะได้แหลมคมชัดเจน

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งหลงลืมการใช้ดินสอไปนานแล้ว ลองย้อนความรู้สึกเดิมๆ กันอีกสักครั้ง ลองหาดินสอสักแท่งสองแท่งมาไว้บนโต๊ะทำงาน เพื่อบางวันคุณอาจจะได้ใช้ดินสอเป็นข้อคิดในการใช้ชีวิต เหมือนอย่างเรื่องเล่าของดินสอเรื่องนี้

เรื่องมีอยู่ว่าก่อนที่ดินสอจะถูกบรรจุลงกล่อง ผู้ผลิตดินสอได้สอนดินสอทุกแท่งถึงการเป็นดินสอที่ดีว่า
1.ต้องกล้าเขียนสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ขยันเขียนสิ่งต่างๆ ให้ได้มากมาย
2.ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดในยามที่ต้องถูกเหลาเพื่อให้ตัวเองแหลมคม และเป็นดินสอที่ดีกว่าเดิมครั้งแล้วครังเล่า
3.ต้องกล้าแก้ไขข้อผิดพลาดที่ตัวเองทำขึ้น
4.คุณค่าสำคัญที่สุดของดินสออยู่ภายในตัวเองมิใช่ภายนอก

คุณสมบัติที่ดีของดินสอนั้น ไม่ต่างจากคุณสมบัติที่ดีของมนุษย๋ เราทุกคนคงเปรียบได้คล้ายดินสอ จะขีดเขียนสิ่งที่ดีหรือไม่ดีให้ชีวิต ก็ขึ้นอยู่กับมือของเราเอง คุณอยากเป็นดินสอแบบไหน ดินสอลวดลายงดงาม สวยงามแต่ไส้ภายในบอบบางเปราะแตกง่าย หรือเป็นดินสอที่เป็นเปลือกไม้ธรรมดา แต่ไส้ในดำเข้ม เขียนทุกอย่างได้ชัดเจน

ทั้งหมดนี้คุณเลือกได้เองตามที่ใจต้องการ แต่อย่างน้อยที่สุด อย่ายอมให้ตัวเองเป็นดินสอทู่เป็นอันขาด เหลาชีวิตกันบ้าง ใครจะรู้ว่าดินสออย่างคุณก็อาจจะสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้เช่นกัน




(จากหนังสือ ไม่มีวันยอมแพ้ขอแค่มีกำลังใจ )

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

ใครจะเชื่อว่าประเทศไทยจะเกิดภัยแผ่นดินไหวได้

หลายสิบปีก่อนเราเชื่อเสมอว่าประเทศไทยไม่มีผลกระทบเรื่องแผ่นดินไหว ถึงจะมีไหวบ้างก็เล็กน้อยจนไม่น่ากังวล แต่แล้วความเชื่อทั้งหมดก็ถูกลบล้างจนหมดสิ้น เมื่อเราเริ่มได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ความรู้เรื่องรอยเลื่อนของเปลือกโลกชี้ชัดว่าพื้นที่หลายจังหวัดของประเทศไทยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว วันนี้คนไทยนิ่งนอนใจไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติใกล้ตัว นอกเหนือจากภัยแล้ง อุทกภัย ที่คนไทยคุ้นเคยมาตลอดชีวิต

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นได้อย่างไร
สมัยเด็กๆ คุณปู่คุณย่าบอกว่าแผ่นดินไหวเกิดจาก ปลาอานนท์พลิกตัว ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าเทพเจ้าโพไซดอน (ไม่ใช่ที่อยู่สุขุมวิท)เป็นผู้ที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหว เทพเจ้าโพไซดอนมีรูปร่างขนาดใหญ่ เมื่อพิโรธก็จะกระทืบเท้า ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ชาวฮินดูในประเทศอินเดียเชื่อว่าโลกของเราตั้งอยู่บนถาดทองคำซึ่งวางอยู่บนหลังช้างหลายเชือกติดกัน เมื่อใดที่ช้างเคลื่อนไหว โลกก็จะสั่นสะเทือนทำให้เกิดแผ่นดินไหว ส่วนคนญี่ปุ่นเชื่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า มีปลาดุกยักษ์อยู่ใต้พื้นดิน และเมื่อใดที่ปลาดุกยักษ์พลิกตัวหรือขยับเขยื้อนแต่ละครั้ง ก็จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว

ความเชื่อเหล่านี้ได้ถูกลบเลือนไป เมื่อความจริงปรากฎว่าแผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์การสั่นสะเทือนหรือเขย่าของพื้นผิวโลก เพื่อปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล ส่วนใหญ่แผ่นดินไหวมักเกิดตรงบริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลกเป็นแนวแผ่นดินไหวของโลก การเคลื่อนตัวดังกล่าว เกิดขึ้นเนื่องจากชั้นหินหลอมละลายที่อยู่ภายใต้เปลือกโลก ได้รับพลังงานความร้อนจากแกนโลก และลอยตัวผลักดันสู่เปลือกโลกตอนบน ทำให้เปลือกโลกแต่ละชิ้นมีการเคลื่อนที่ในทิศทางต่าง ๆ
พบ! 13 รอยเลื่อน 22 จังหวัดเสี่ยงแผ่นดินไหว
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยรายงาน พบ 13 รอยเลื่อน ใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว ได้แก่
1.เชียงใหม่ 12 อำเภอ
2. เชียงราย 11 อำเภอ
3. แพร่ 7 อำเภอ
4.แม่ฮ่องสอน 5 อำเภอ
5. กำแพงเพชร 3 อำเภอ
6. ตาก 7 อำเภอ
7. น่าน 6 อำเภอ
8. พะเยา 1 อำเภอ
9.พิษณุโลก 2 อำเภอ
10.ลำปาง 5 อำเภอ
11.ลำพูน 3 อำเภอ
12.อุตรดิตถ์ 4 อำเภอ
13.กระบี่ 1 อำเภอ
14.ชุมพร 4 อำเภอ
15.พังงา 5 อำเภอ
16.ระนอง 5 อำเภอ
17.สุราษฎร์ธานี 9 อำเภอ
18.กาญจนบุรี 7 อำเภอ
19.ประจวบคีรีขันธ์ 4 อำเภอ
20.สุพรรณบุรี 1 อำเภอ
21.นครพนม 3 อำเภอ
22.หนองคาย 2 อำเภอ
รวม 106 อำเภอ 308 ตำบล และ1,406 หมู่บ้าน
จะเห็นได้ว่าภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหวได้เข้ามาใกล้ตัวคนไทยทุกคนแล้ว โดยเฉพาะความกังวลที่ว่าหากเกิดสึนามิรุนแรง ก็มีโอกาสพัดพามาถึงกรุงเทพฯที่อยู่ห่างจากชายทะเลแค่ 4 กิโลเมตรกว่า ๆ ดังนั้นคนไทยทุกคนต้องหันมาสนใจเรื่องแผ่นดินไหวเช่นเดียวกับภัยธรรมชาติอื่นๆเช่นกัน

ระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว

มาตราริกเตอร์
ขนาดและความสัมพันธ์ของขนาดโดยประมาณกับความสั่นสะเทือนใกล้ศูนย์กลาง
ริกเตอร์ ความรุนแรง ลักษณะที่ปรากฏ
1 - 2.9 เล็กน้อย ผู้คนเริ่มรู้สึกถึงการมาของคลื่น มีอาการวิงเวียนเพียงเล็กน้อยในบางคน
3 - 3.9 เล็กน้อย ผู้คนที่อยู่ในอาคารรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเขย่าอาคารให้สั่นสะเทือน
4 - 4.9 ปานกลาง ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งภายในอาคาร และนอกอาคาร รู้สึกถึงการ สั่นสะเทือน วัตถุห้อยแขวนแกว่งไกว
5 - 5.9 รุนแรง เครื่องเรือน และวัตถุมีการเคลื่อนที่
6 - 6.9 รุนแรงมาก อาคารเริ่มเสียหาย พังทลาย
7.0 ขึ้นไป รุนแรงมากมาก เกิดการสั่นสะเทือนอย่างมากมาย ส่งผลทำให้อาคารและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เสียหายอย่างรุนแรง แผ่นดินแยก วัตถุบนพื้นถูกเหวี่ยงกระเด็น

มนุษย์ที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เอาชนะธรรมชาติได้ วันนี้โลกได้สั่งสอนให้เรารู้แล้วว่าแท้จริงแล้วเราไม่อาจเอาชนะธรรมชาติได้เลย หน้าที่ของเราคืออยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสงบสุข ปรับตัวให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่ใช่ปรับธรรมชาติให้สอดคล้องกับความต้องการกิเลสตัณหาของตัวเอง

โลกอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้ ที่สำคัญ มนุษย์อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีโลก แต่โลกอยู่ได้โดยไม่มีมนุษย์

(ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย / voice tv / คมชัดลึก )

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

ข้อคิด 10 ประการสู่ความสำเร็จชีวิต ของ โดนัลด์ เจ. ทรัมป์


โดนัลด์ เจ ทรัมป์ นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ยักใหญ่ของโลก คนที่กล้าทำสิ่งใหญ่ตลอดเวลา และทำสิ่งที่ไม่น่าสำเร็จให้สำเร็จได้อย่างอัศจรรย์ ทรัมป์ไม่มีคาถาความสำเร็จอะไรเลย ทุกอย่างเขาบอกว่าเกิดจากความอดทนเป็นจุดเริ่มต้น ทรัมป์สรุปข้อคิดที่จะทำให้ชี่วิตประสบความสำเร็จไว้ 10 ข้อด้วยกัน

1. อย่ายอมแพ้เป็นอันขาด อย่าได้ติดอยู่กับความสบายหรือความสำเร็จเก่าๆ มันจะทำให้คุณไม่ไปถึงไหน
2. จงหลงใหลคลั่งไคล้ในสิ่งที่คุณทำ รักอย่างมากมายมหาศาล หายใจเข้าหายใจออกถึงสิ่งนั้น
3. พุ่งไปที่เป้าหมายอย่าให้คลาดสายตา อย่าสนใจสิ่งอื่น สนใจแต่สิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จ
4. เดินหน้าไปอย่าหยุด พยายามเดินเข้าไปหาเป้าหมายทุกวัน ขยับเข้าไปเรื่อยๆ อย่าผัดวันประกันพรุ่งเป็นอันขาด
5 มองเห็นภาพตัวเองคือผู้ประสบความสำเร็จ
6.ความดื้อดึงสร้างความมหัศจรรย์ได้
ไม่ยอมถอย ดื้อเข้าไว้เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
7.ทำตัวเองให้โชคดี มีคำกล่าวไว้ว่า ยิ่งข้าพเจ้าทำงานหนักมากเพียงใด ข้าพเจ้าก็ยิ่งโชคดีเพียงนั้น ดังนั้นอย่ากลัวการทำงานหนัก
8.เชื่อตัวเอง ไม่เชื่อตัวเองแล้วจะเชื่อใคร กองทัพที่คุณคุมอยู่ มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่เป็นทั้งแม่ทัพและทหารรบ จงนำพาชีวิตด้วยตัวเอง เชื่อตัวเองให้มากกว่าเชื่อคนอื่น
9.ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นชัยชนะได้ โอกาสดีมีอยู่รอบตัวเสมอ แม้บางครั้งจะดูเหมือนชีวิตกำลังตกอยู่ในความย่ำแย่ก็ตามที
10. หาทางแก้ปัญหา แต่อย่ามองที่ปัญหา คนส่วนใหญ่เวลาเผชิญปัญหา จะคิดถึงแต่ต้นตอของปัญหาและก็มุ่งหน้าที่จะกำจัดต้นตอ ซึ่งบางครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สุดทายก็กำจัดปัญหาไม่ได้ ทำให้ทุกอย่างพังไม่เป็นท่า ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับปัญหา สิ่งแรกที่ควรทำคือหาทางแก้ปัญหานั้นทันที และลงมือทำทันที

วันนี้หากคุณกำลังอ่อนล้าอ่อนแรง ลองลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เดินตามทรัมป์ก็ได้
ไปข้างหน้าอย่าได้หยุด !


แนะนำให้อ่านหนังสือ ทรัมป์ (แปลจาก trump never give up) สำนักพิมพ์ต้นไม้ ราคา 195 บาท