ไม่ได้ขึ้นรถเมล์มานานหลายปี พอได้ขึ้นอีกครั้งก็ได้สัมผัสบรรยากาศเดิมทันที กี่ปีผ่านไป
รถเมล์ใหม่ขึ้น คนขับหนุ่มขึ้น แต่การขับรถเมล์ก็ยังคงวัฒนธรรมเหมือนเดิม ฉันนั่งตัวโยนโอนเอนไปมาขณะคนขับหนุ่มเหยียบคันเร่งดุดันสลับกับกดค้นเร่งอย่างเอาเป็นเอาตาย สลับกันไปมา บรรยากาศชวนระทึกใจ
เสียววูบวาบราวกับเจ้าสาวเข้าหอวันแรก...
ด้วยความว่างที่ไม่รู้จะหาอะไรทำดี จะฟังเพลงหรือจะโทรคุยกับเพื่อนก็เหมือนหูจะอื้ออึงเกินไป ฉันจึงเริ่มเพ่งพิศใบหน้าคนขับรถเมล์ อยากรู้ว่าเขามีความกดดันจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย(ไหน) ฉันมองเห็นคิ้วขมวดบนใบหน้า บ่งบอกว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ หากมีใครปาดหน้า หรือขอทาง รถคันนั้นอาจจะถึงคาดได้ เขาแบกหน้าบึ้งตึงไว้ตลอดเส้นทาง พร้อมด้วยตีนผีที่พร้อมพาผู้โดยสารไปลงนรก ฉันภาวนาว่าเมื่อไรกูจะได้ลงไปเสียที แม้จะเสียวได้ใจ แต่เป็นความเสียวที่ไม่สร้างความสุขแม้แต่น้อย แต่เป็นชนิดเสียวสยอง
ก่อนความตายจะมาเยี่ยมเยือน ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของคนขับหนุ่มดังขึ้น เขาขว้าขึ้นมารับอย่างโกรธเกรี้ยว ฉับพลันคิ้วขมวดก็คลายตัวออกจากกัน ฉันเห็นรอยยิ้มฟันขาวของเขาอย่างเบิกบาน ตีนผีของเขาออกจากร่างเขาอย่างทันควัน และกลายเป็นจังหวะนุ่มนวลชวนฝัน คนขับยิ้มอย่างมีความสุข
ฉันเดาเอาว่าต้องเป็นเสียงหญิงสาวอย่างแน่นอน..แต่เป็นใครนั้นก็ต้องไปถามดีเอสไอกันเอง ที่น่าสนใจก็คือไม่น่าเชื่อว่าเสียงของใครคนหนึ่ง จะมีพลังบันดาลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคน ๆ หนึ่งได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังวางสายไปแล้ว เขาก็เปลี่ยนจากคนขับรถเมล์เป็นกัปตันขับเครื่องบินที่แสนสุภาพ
บางครั้งเราอาจจะนึกไม่ถึงว่า คำพูดเพียงบางคำนั้นมีความหมาย..อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือทำให้คน ๆ หนึ่งให้มีความสุขได้อย่างน่าอัศจรรย์
วันนี้อย่าลืมโทรหาใครสักคน ที่คุณรู้ดีว่าคุณมีความหมายกับเขามากที่สุด ^ ^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น