วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ไม่กล้าขับรถ..ความกลัวที่ไม่รู้จะกำจัดอย่างไร

ซื้อรถมาแล้ว แต่ไม่กล้าขับ..!!

เรียนขับรถมาแล้ว..แต่ไม่กล้าขับ !!

ได้ใบขับขี่มาแล้ว..แต่ไม่กล้าขับ!!

ปัญหาที่เรามักได้ยินมือใหม่บ่นให้ฟังอยู่เสมอ มีมือใหม่บางคนสามารถฝ่าด่านความกลัวไปได้อย่างสวยงาม แต่บางคนยังหยุดอยู่ที่เดิม คอยวันที่กล้า..แต่ยิ่งคอยนาน ๆ กลับยิ่งเพิ่มความกลัวมากขึ้นอีก นานวันเข้าก็ไม่ขับ กลายเป็นคนขับรถไม่เป็นเหมือนเดิม

ทำอย่างไรให้กล้าขับรถ?

ในประเทศไทยมีคนขับรถได้นับล้าน ๆ คน... หนึ่งในนั้นทำไมไม่มีคุณ?   
ภาพจาก https://www.pexels.com

          
                นั่นน่ะซิ ! แค่ตอบประโยคนี้ประโยคเดียว คุณก็ต้องเปลี่ยนความคิดที่จะไม่ยอมขับรถแล้ว เพราะการขับรถเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะ ไม่ต้องเรียนสูง ไม่ต้องหน้าตาดีก็ได้ แต่จะหน้าตาดีด้วยก็ได้ไม่มีใครว่าอะไร “คนปกติทั่วไป”ขับรถได้ นี่คือความจริงที่สุด และเมื่อคุณส่องกระจกมองตัวเองและพบว่าคุณเป็นคนร่างกายปกติดี อวัยวะครบถ้วน สมองก็สั่งการได้ไม่ผิดปกติ ตาไม่บอดสี  ไม่ได้เป็นโรคลมบ้าหมู โรคลมชัก โรควูบ หรือโรคประจำตัวร้ายแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถ นั่นก็คือคำตอบว่า คุณขับรถได้แน่นอน

                หากคุณยังไม่มั่นใจว่าคุณจะขับได้จริงหรือ ? ก็ขอให้คิดถึงคนใกล้ตัวที่ขับรถได้ เช่น พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทที่เรียนหนังสือได้พอ ๆ กับคุณ เพื่อนที่ทำงานที่อาจทำงานสู้คุณไม่ได้  คนขับรถส่งน้ำ คนขับรถขายกับข้าว คนข้างบ้านที่อาจเป็นคุณป้าคุณลุงที่ขับรถได้ ฯลฯ บุคคลเหล่านี้ยังขับรถได้เลย แล้วเหตุไฉนคุณถึงขับไม่ได้ ?

                ยัง ยัง ยังไม่พอ ถ้ายังไม่เชื่อมั่น ก็ขอให้คุณไปยืนที่ริมถนน ลองสังเกตคนขับรถบนท้องถนนที่แล่นผ่านไปมา แล้วคุณจะเห็นผู้คนมากมายที่กำลังขับรถ คนเหล่านี้มีทั้ง คนที่อายุน้อยกว่าคุณ อายุมากกว่าคุณ มีทั้ง ผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น วัยทำงาน แม่บ้าน คนสูงวัย ทุกคนขับรถได้  มีคนขับแท็กซี่จำนวนมากที่อาชีพหลักเป็นชาวนา เมื่อว่างเว้นจากการทำนาจะมาขับแท็กซี่ในเมือง อีกทั้งยังมีลูกจ้างชาวไทย ชาวพม่าที่ขับรถกระบะส่งของ ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องมีการศึกษาสูงส่งแต่ทุกคนก็ขับรถได้เช่นกัน
                ใครๆ ก็ทำได้..ดังนั้นขอให้คุณฝังความคิดใหม่ไว้ในสมองวันนี้เลยว่า “ถ้าฉันพยายาม ฉันก็ขับรถได้แน่นอน”  

จินตนาการภาพตัวเองกำลังขับรถ
                ลองจินตนาการภาพของคุณที่กำลังขับรถอย่างมีความสุขดูซิ ขับรถไปทำงานแต่เช้าแสนสบาย ตกเย็นไม่ต้องเบียดเสียดดมขี้เต่าใครต่อใครอีกแล้ว  ลองคิดถึงสถานที่ที่คุณอยากไป ถ้าคุณได้ขับรถไปที่นั่น อาจจะไปคนเดียวหรือไปกับแก๊งเพื่อนรัก ลองคิดดูว่าจะสนุกกันขนาดไหน ขับไปเมาท์มอยกันไปจนถึงที่หมาย หรือถ้าไม่ไปเที่ยวไหนไกล แค่ได้ช็อปปิ้งชนิดแบบ”เอาไม่อยู่” ลองคิดดูจะมีความสุขแค่ไหน และจะมีอะไรสุขใจเท่ากับคุณขับรถไปซื้อของ จะหอบของมากมายแบบบ้าหอบฟางแค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะต่อแต่นี้ไม่ต้องไปยืนเรียกแท็กซี่ หรือต้องไปอ้อนวอนให้ใครช่วยขับรถมาที่ห้างอีกแล้ว เพราะคุณจะขับรถมาเอง คิดดูซิ..คุณจะขนของที่คุณชอบ ใส่รถเข็นแล้วมาใส่รถตัวเอง เปิดแอร์เย็น ๆ ฟังเพลงเพราะ ๆ แล้วขับรถอย่างมีความสุขกลับบ้าน..เห็นไหม..แค่คิดก็มีความสุข แล้วคุณจะปล่อยโอกาสดี ๆ ในชีวิตนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร โดยไม่ยอม”ขับรถ”


“ขับรถเป็น” ถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับชีวิตยุคนี้
            ลองสังเกตดูว่าสมัยนี้คนมักจะไม่ค่อยถามกันหรอกว่า “ขับรถได้ไหม” เพราะทุกคนมักจะเชื่อกันว่าใคร ๆ ก็ขับรถได้กันทั้งนั้น เพราะสมัยนี้มีรถยนต์เกียร์ออโต้ซึ่งขับง่ายขับดายเหลือเกิน ไม่เหมือนรุ่นคุณปู่ที่ต้องขับเกียร์กระปุก พอขึ้นสะพานเลี้ยงคลัชท์ไม่ดีเครื่องดับ  ลมแทบจับกันทุกคนเพราะรถจะไหล แต่รถเป็นเกียร์ออโต้จะขับขึ้นสะพาน ขึ้นเขา ขึ้นคาน ขึ้นเหนือล่องใต้ก็ไปถึงได้สบาย  ดังนั้นพอมีใครสักคนที่หน่วยก้านดี พูดขึ้นว่า “ฉันขับรถไม่เป็น” คนอื่นจะทำหน้าสงสัยและทำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อยพูดว่า “เฮ้ย..จริงเหรอ เธอขับรถไม่เป็นเหรอ อ้าว..ทำไมไม่ไปเรียน” นั่นนะซิ.. ขับไม่เป็นก็ควรไปเรียนให้ขับเป็น เพราะ “การขับรถเป็น” เป็นเรื่องจำเป็นอย่างหนึ่งของชีวิต แม้จะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนคอขาดบาดตาย คุณอาจคิดว่า “..ไม่เห็นจำเป็นเลย ประเทศเรามีทั้งรถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถเมล์ รถแท็กซี่เยอะแยะ” เรื่องนั้นก็เป็นความจริง  แต่ถ้าหากเวลาที่ต้องใช้รถเร่งด่วน หรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็นต้องขับรถให้คนที่บ้าน เช่น ขับไปส่งโรงพยาบาลกลางดึก ฝนตกหนักต้องขับรถไปรับใครสักคนที่ติดฝนอยู่ หรือแม้แต่ตัวคุณเองต้องมีเหตุต้องไปในสถานที่ที่ไม่มีรถสาธารณะผ่าน  รวมไปถึงอาจประสบเหตุการณ์ที่ต้องช่วยเหลือคนอื่น ในนาทีวิกฤตเร่งด่วนเหล่านั้นหากต้องการคนขับรถสักคน คุณจะสามารถช่วยได้ทันที  ดังนั้น “การขับรถเป็น” ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรจะเรียนรู้ติดตัวไว้ คุณจะเห็นว่าใบสมัครงานหลายแห่งจะมีข้อความถามว่า ขับรถยนต์ได้หรือไม่ นั่นแสดงว่าเป็นทักษะสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตที่พึงทำได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่า การว่ายน้ำ พิมพ์ดีด-ไทยอังกฤษ ที่ทุกคนมักจะทำได้เช่นกัน

อาชีพยามยาก
                อย่าได้คิดว่าการ “ขับรถเป็น” ก็แค่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายเท่านั้น  แต่ครั้งหนึ่งในยุคฟองสบู่แตก มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากได้ใช้ทักษะของการ”ขับรถเป็น”เปลี่ยนเป็นอาชีพ “ขับแท็กซี่” หาเลี้ยงชีวิตในยามยากรอดตายมานักต่อนักแล้ว คุณอาจไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าวันใดประสบปัญหาเรื่องอาชีพ “การขับรถเป็น” ก็ยังจะพอเป็นช่องทางเล็ก ๆ ให้คุณหารายได้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงานขับรถบริษัท ขับรถให้ผู้บริหาร หรือจะหันมาขับรถแท็กซี่ของตัวเองก็ยังได้  ฯลฯ
                เห็นข้อดีของ “การขับรถเป็น” มากมายขนาดนี้แล้ว จะมัวนิ่งเฉยกันอยู่ทำไม คำตอบนั้นชัดเจนที่สุดแล้วว่า “การขับรถเป็น” นั่นดีกว่า “ขับรถไม่เป็น” จริงแท้แน่นอนที่สุด

(เนื้อหาบางส่วนจาก หนังสือ ขับรถเรื่องง่าย)
สั่งซื้อได้ที่http://www.bear-book.com/books/beargoodbook/easy-driving.html

สนพ.แบร์ พับลิชชิ่ง  0-2284-3988


คลิกอ่านเรื่องต่อไป  วิธีตัดสินใจเลือกซื้อรถใหม่ 









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น