เรียนขับรถมาแล้ว..แต่ไม่กล้าขับ !!
ได้ใบขับขี่มาแล้ว..แต่ไม่กล้าขับ!!
ปัญหาที่เรามักได้ยินมือใหม่บ่นให้ฟังอยู่เสมอ มีมือใหม่บางคนสามารถฝ่าด่านความกลัวไปได้อย่างสวยงาม แต่บางคนยังหยุดอยู่ที่เดิม คอยวันที่กล้า..แต่ยิ่งคอยนาน ๆ กลับยิ่งเพิ่มความกลัวมากขึ้นอีก นานวันเข้าก็ไม่ขับ กลายเป็นคนขับรถไม่เป็นเหมือนเดิม
ทำอย่างไรให้กล้าขับรถ?
นั่นน่ะซิ ! แค่ตอบประโยคนี้ประโยคเดียว
คุณก็ต้องเปลี่ยนความคิดที่จะไม่ยอมขับรถแล้ว เพราะการขับรถเป็นเรื่องที่ใคร ๆ
ก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะ ไม่ต้องเรียนสูง ไม่ต้องหน้าตาดีก็ได้
แต่จะหน้าตาดีด้วยก็ได้ไม่มีใครว่าอะไร “คนปกติทั่วไป”ขับรถได้ นี่คือความจริงที่สุด
และเมื่อคุณส่องกระจกมองตัวเองและพบว่าคุณเป็นคนร่างกายปกติดี อวัยวะครบถ้วน
สมองก็สั่งการได้ไม่ผิดปกติ ตาไม่บอดสี
ไม่ได้เป็นโรคลมบ้าหมู โรคลมชัก โรควูบ หรือโรคประจำตัวร้ายแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถ
นั่นก็คือคำตอบว่า คุณขับรถได้แน่นอน
หากคุณยังไม่มั่นใจว่าคุณจะขับได้จริงหรือ
? ก็ขอให้คิดถึงคนใกล้ตัวที่ขับรถได้
เช่น พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทที่เรียนหนังสือได้พอ ๆ กับคุณ
เพื่อนที่ทำงานที่อาจทำงานสู้คุณไม่ได้ คนขับรถส่งน้ำ คนขับรถขายกับข้าว คนข้างบ้านที่อาจเป็นคุณป้าคุณลุงที่ขับรถได้
ฯลฯ บุคคลเหล่านี้ยังขับรถได้เลย แล้วเหตุไฉนคุณถึงขับไม่ได้ ?
ยัง ยัง ยังไม่พอ ถ้ายังไม่เชื่อมั่น ก็ขอให้คุณไปยืนที่ริมถนน
ลองสังเกตคนขับรถบนท้องถนนที่แล่นผ่านไปมา แล้วคุณจะเห็นผู้คนมากมายที่กำลังขับรถ
คนเหล่านี้มีทั้ง คนที่อายุน้อยกว่าคุณ อายุมากกว่าคุณ มีทั้ง ผู้หญิง ผู้ชาย
วัยรุ่น วัยทำงาน แม่บ้าน คนสูงวัย ทุกคนขับรถได้ มีคนขับแท็กซี่จำนวนมากที่อาชีพหลักเป็นชาวนา
เมื่อว่างเว้นจากการทำนาจะมาขับแท็กซี่ในเมือง อีกทั้งยังมีลูกจ้างชาวไทย
ชาวพม่าที่ขับรถกระบะส่งของ
ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องมีการศึกษาสูงส่งแต่ทุกคนก็ขับรถได้เช่นกัน
ใครๆ
ก็ทำได้..ดังนั้นขอให้คุณฝังความคิดใหม่ไว้ในสมองวันนี้เลยว่า “ถ้าฉันพยายาม
ฉันก็ขับรถได้แน่นอน”
จินตนาการภาพตัวเองกำลังขับรถ
ลองจินตนาการภาพของคุณที่กำลังขับรถอย่างมีความสุขดูซิ
ขับรถไปทำงานแต่เช้าแสนสบาย ตกเย็นไม่ต้องเบียดเสียดดมขี้เต่าใครต่อใครอีกแล้ว ลองคิดถึงสถานที่ที่คุณอยากไป
ถ้าคุณได้ขับรถไปที่นั่น อาจจะไปคนเดียวหรือไปกับแก๊งเพื่อนรัก ลองคิดดูว่าจะสนุกกันขนาดไหน
ขับไปเมาท์มอยกันไปจนถึงที่หมาย หรือถ้าไม่ไปเที่ยวไหนไกล แค่ได้ช็อปปิ้งชนิดแบบ”เอาไม่อยู่”
ลองคิดดูจะมีความสุขแค่ไหน และจะมีอะไรสุขใจเท่ากับคุณขับรถไปซื้อของ จะหอบของมากมายแบบบ้าหอบฟางแค่ไหนก็ไม่หวั่น
เพราะต่อแต่นี้ไม่ต้องไปยืนเรียกแท็กซี่ หรือต้องไปอ้อนวอนให้ใครช่วยขับรถมาที่ห้างอีกแล้ว
เพราะคุณจะขับรถมาเอง คิดดูซิ..คุณจะขนของที่คุณชอบ ใส่รถเข็นแล้วมาใส่รถตัวเอง เปิดแอร์เย็น
ๆ ฟังเพลงเพราะ ๆ แล้วขับรถอย่างมีความสุขกลับบ้าน..เห็นไหม..แค่คิดก็มีความสุข
แล้วคุณจะปล่อยโอกาสดี ๆ ในชีวิตนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร โดยไม่ยอม”ขับรถ”
“ขับรถเป็น”
ถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับชีวิตยุคนี้
ลองสังเกตดูว่าสมัยนี้คนมักจะไม่ค่อยถามกันหรอกว่า
“ขับรถได้ไหม” เพราะทุกคนมักจะเชื่อกันว่าใคร ๆ ก็ขับรถได้กันทั้งนั้น
เพราะสมัยนี้มีรถยนต์เกียร์ออโต้ซึ่งขับง่ายขับดายเหลือเกิน
ไม่เหมือนรุ่นคุณปู่ที่ต้องขับเกียร์กระปุก
พอขึ้นสะพานเลี้ยงคลัชท์ไม่ดีเครื่องดับ ลมแทบจับกันทุกคนเพราะรถจะไหล
แต่รถเป็นเกียร์ออโต้จะขับขึ้นสะพาน ขึ้นเขา ขึ้นคาน
ขึ้นเหนือล่องใต้ก็ไปถึงได้สบาย ดังนั้นพอมีใครสักคนที่หน่วยก้านดี
พูดขึ้นว่า “ฉันขับรถไม่เป็น” คนอื่นจะทำหน้าสงสัยและทำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อยพูดว่า
“เฮ้ย..จริงเหรอ เธอขับรถไม่เป็นเหรอ อ้าว..ทำไมไม่ไปเรียน” นั่นนะซิ..
ขับไม่เป็นก็ควรไปเรียนให้ขับเป็น เพราะ “การขับรถเป็น”
เป็นเรื่องจำเป็นอย่างหนึ่งของชีวิต แม้จะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนคอขาดบาดตาย คุณอาจคิดว่า
“..ไม่เห็นจำเป็นเลย ประเทศเรามีทั้งรถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถเมล์ รถแท็กซี่เยอะแยะ”
เรื่องนั้นก็เป็นความจริง แต่ถ้าหากเวลาที่ต้องใช้รถเร่งด่วน
หรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็นต้องขับรถให้คนที่บ้าน เช่น
ขับไปส่งโรงพยาบาลกลางดึก ฝนตกหนักต้องขับรถไปรับใครสักคนที่ติดฝนอยู่ หรือแม้แต่ตัวคุณเองต้องมีเหตุต้องไปในสถานที่ที่ไม่มีรถสาธารณะผ่าน
รวมไปถึงอาจประสบเหตุการณ์ที่ต้องช่วยเหลือคนอื่น
ในนาทีวิกฤตเร่งด่วนเหล่านั้นหากต้องการคนขับรถสักคน คุณจะสามารถช่วยได้ทันที ดังนั้น “การขับรถเป็น” ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรจะเรียนรู้ติดตัวไว้
คุณจะเห็นว่าใบสมัครงานหลายแห่งจะมีข้อความถามว่า ขับรถยนต์ได้หรือไม่
นั่นแสดงว่าเป็นทักษะสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตที่พึงทำได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่า
การว่ายน้ำ พิมพ์ดีด-ไทยอังกฤษ
ที่ทุกคนมักจะทำได้เช่นกัน
อาชีพยามยาก
อย่าได้คิดว่าการ “ขับรถเป็น”
ก็แค่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายเท่านั้น
แต่ครั้งหนึ่งในยุคฟองสบู่แตก
มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากได้ใช้ทักษะของการ”ขับรถเป็น”เปลี่ยนเป็นอาชีพ
“ขับแท็กซี่” หาเลี้ยงชีวิตในยามยากรอดตายมานักต่อนักแล้ว
คุณอาจไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าวันใดประสบปัญหาเรื่องอาชีพ
“การขับรถเป็น” ก็ยังจะพอเป็นช่องทางเล็ก ๆ ให้คุณหารายได้ ไม่ว่าจะเป็น
พนักงานขับรถบริษัท ขับรถให้ผู้บริหาร หรือจะหันมาขับรถแท็กซี่ของตัวเองก็ยังได้ ฯลฯ
เห็นข้อดีของ “การขับรถเป็น”
มากมายขนาดนี้แล้ว จะมัวนิ่งเฉยกันอยู่ทำไม คำตอบนั้นชัดเจนที่สุดแล้วว่า
“การขับรถเป็น” นั่นดีกว่า “ขับรถไม่เป็น” จริงแท้แน่นอนที่สุด
(เนื้อหาบางส่วนจาก หนังสือ ขับรถเรื่องง่าย)
สั่งซื้อได้ที่http://www.bear-book.com/books/beargoodbook/easy-driving.html
สนพ.แบร์ พับลิชชิ่ง 0-2284-3988
สั่งซื้อได้ที่http://www.bear-book.com/books/beargoodbook/easy-driving.html
สนพ.แบร์ พับลิชชิ่ง 0-2284-3988
คลิกอ่านเรื่องต่อไป วิธีตัดสินใจเลือกซื้อรถใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น