วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ลาออกจากงาน..แล้วทำธุรกิจส่วนตัวดีไหม?


     นี่อาจจะเป็นคำถามยอดฮิตที่มนุษย์เงินเดือนทุกยุคทุกสมัยชอบตั้งคำถามกับตัวเอง และมักลามปามถามเพื่อน ถามใครต่อใคร ที่ต้องถามใครต่อใครก็เพราะไม่แน่ใจในตัวเอง ที่อยากได้ยินก็คือคำยืนยันจากคนอื่นว่า "ดี ทำเลย" แต่คงไม่มีใครกล้าฟันธงให้คุณ ทุกคนคงบอกว่า "ก็ดี..แต่...."
  
     ความจริงไม่จำเป็นต้องถามใคร ถามตัวคุณเองดูก็รู้ ตราบใดที่คุณยังเฝ้าเพียรถามคนอื่น แสดงว่าคุณไม่แน่ใจ ถ้าเราแน่ใจว่าธุรกิจที่เราคิดจะทำรวยแน่ ๆ รับรองคุณจะไม่ยอมถามใคร แต่จะรีบทำทันที เพราะกลัวคนอื่นจะมาแย่งทำ ^  ^

    ถ้ามีใครมาถามผู้เขียนว่า " จะลาออกจากงาน มาทำธุรกิจส่วนตัวดีไหม คำตอบก็คือ "ดีแน่นอน ดีกว่าเป็นลูกจ้าง" แต่ก่อนคุณจะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากถึงมากที่สุด

  วันนี้เรามาดูความพร้อมกันก่อนว่าคุณพร้อมแค่ไหนจะไปเป็นเถ้าแก่

 อย่างแรกคือ รู้จักตัวตน คุณรู้ตัวดีว่ามีความสามารถมากน้อยแค่ไหน มีความกระตือรือร้นขนาดไหน ใจร้อนเกินไปหรือเปล่า มีระเบียบวินัยแค่ไหน มีเงินในกระเป๋าเท่าไร คุณต้องตอบแบบไม่เข้าข้างตัวเอง

อย่างที่สองคือ รู้จักตลาด คำถามคือคุณจะขายอะไร แล้วตลาดต้องการสินค้าคุณจริงหรือ หรือคุณคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าใคร ๆ น่าจะชอบสินค้าของคุณ แต่ถ้าคุณมั่นใจสุดขีดว่าตลาดจะต้องร่ำร้องหาสินค้าคุณ ก็จงคิดเผื่อไว้ด้วยว่า กำลังการผลิตคุณเพียงพอกับความต้องการตลาดแล้วหรือยัง ถ้าลูกค้าชอบสินค้าคุณมาก คุณจะผลิตทันกับความต้องการของคุณไหม คุณจะต้องวางแผนเตรียมการรับมือให้พร้อม เพราะสินค้าบางอย่างขาดตลาดมาก ๆ ทำให้ลูกค้าที่ต้องการมาก กลายเป็นโมโหมาก และเลิกสนใจไปเลย หรือไม่ก็เกิดคนหัวใสทำเลียนแบบขึ้นมา คุณภาพพอ ๆ กัน แล้วก็รวยกว่าคนผลิตเสียอีก

อย่างที่สามคือ  รู้จักพัฒนา คุณอาจเคยเห็นสินค้าบางตัวมาแรงแต่ก็ไปเร็ว พอถึงช่วงคนฮิตก็ฮิตกันไม่เลิก แต่พอไม่นานคนก็ชักเบือ เลิกฮิต สินค้าตัวนั้นก็ตายไปอย่างรวดเร็ว  หรือสินค้าคุณดีมากแต่พังเร็วมาก อย่างนี้ถือว่ามีไอเดียแต่ไม่มีการพัฒนา ดังนั้นอย่าลืมวางแผนพัฒนาสินค้าของคุณเพื่อให้มีอายุยืนในตลาดนานแสนนาน

ครั้งต่อไป มาอ่านกันต่อถึงคำแนะนำสำหรับวิธีการคิดหาสินค้าสำหรับเถ้าแก่มือใหม่ มีหลายคนบอกว่า อยากลาออก แต่ไม่รู้จะทำอะไรขายดี เรามีคำตอบมาให้อ่าน อย่าลืมติดตามกัน

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิธีตัดสินใจเลือกซื้อรถใหม่ให้เหมาะกับคุณ..

       รถรุ่นใหม่ปัจจุบันนี้มีให้เลือกมากมายเหลือเกิน สมรรถนะใกล้เคียง ราคาก็ใกล้กัน ทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ถูก ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะซื้อยี่ห้อนี้ ก็อยากได้อีกยี่ห้อหนึ่ง เกิดการอาการรักพี่เสียดายน้อง ประมาณอยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคัน แต่ดันมีเงินซื้อแค่คันเดียว ^ ^

    ดังนั้นมาหาวิธีตัดสินใจเลือกรถคันโปรดที่เหมาะกับคุณกันดีกว่า
    การเลือกซื้อรถยนต์สักคัน..ก็เหมือนกับการเลือกคนรักสักคน..ถ้าเลือกผิด ชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี เปรีบเสมือนเจ้ารถที่คุณคิดว่าดีนักดีหนาเมื่อแรกเห็น พอไม่นานนักก็แผลงฤทธิ์จากพระเอกสุดหล่อ กลายเป็นผู้ร้ายสุดเลว คำถามคือแล้วจะเลือกรถดี ๆ เหมาะกับเราได้อย่างไร?

คำตอบคือ
  1.เลือกรถที่ถูกใจเรา ต่อให้ใครในโลกนี้จะชอบรถยี่ห้อไหนก็ตาม แต่คุณไม่ชอบ ลองนั่ง ลองขับแล้วไม่มีความสุข คุณจงอย่าซื้อมัน เพราะถ้าซื้อมาแล้ว คุณจะทรมานใจไปนานหลายปี (จนกว่าจะมีเงินซื้อรถคันใหม่)
     จงเลือกซื้อรถที่คุณพอใจ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน  นั่งขับแล้วมีความสุข ขอให้เลือกรถคันนั้น

 2. ประวัติการบริการหลังการขายดี แม้คุณจะพบรถถูกใจแบบสุโค่ยแล้ว ก็เหมือนเจอชายในฝัน เราจะใจร้อนด่วนได้รีบตกร่องปล่องชิ้นนั้นไม่สมควรยิ่งนัก จำเราจะต้องตรวจสอบให้รู้แน่ว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเขาเป็นใคร พื้นเพเป็นอย่างไร รถก็เช่นกัน คุณจะต้องหาข้อมูลว่ารถคันโปรดของคุณผลิตที่ไหน บริษัทไหนเป็นผู้ดูแล มีส่วนบกพร่องอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ มีปัญหาจุกจิกหรือไม่ ข้อสำคัญบริการหลังการขาย ได้มาตรฐานขนาดไหน มีศูนย์บริการใกล้บ้านที่ให้ความสะดวกสบายแก่คุณหรือไม่ อะไหล่เป็นอย่างไร ถูกหรือแพง หาง่ายหรือไม่ หรือต้องรอนานเป็นเดือนเป็นปี  ลองเปิดเช็คข้อมูลในเน็ต ว่ามีผู้ใช้เข้ามาด่ากันระงมเซ็งแซ่หรือไม่ ถ้าคำตอบล้วนแย่มากกว่าส่วนดี คุณอย่าได้คิดว่าจะอดทนสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะในชีวิตจริงความอดทนคุณจะน้อยลงทุกที เราซื้อรถมารับใช้เรา ไม่ใช่ให้เรารับใช้มัน วัน ๆ เอาแต่ไปหาช่างคงไม่ไหว
         จงทำใจปล่อยรถคันโปรดนี้ไป อย่าได้เสียดาย ให้ข้ามไปเลือกรถที่ชอบเป็นอันดับสองทันที

3.เพื่อนพึ่งพาความจน แม้จะได้รถคันโปรดแล้ว ก็อย่าลืมมองทะลุช็อตไปถึงวันที่หน้ามืดตามัวต้องการเงินโดยด่วน ลองคิดดูว่ารถแสนดีของคุณพร้อมจะสละชีพทำตัวขายง่ายขายคล่องไหม ไม่ใช่ลงประกาศเป็นเดือนเป็นปี ไม่มีใครเหลียวแลเลย นั่นแสดงว่ารถคันนี้อาจจะมีคุณสมบัติดีไม่เพียงพอ แต่ถ้าคุณบอกว่าฉันไม่แคร์ ไม่ได้คิดจะขาย ซึ่งความจริงแล้วคุณควรจะต้องแคร์ เพราะอีก 7-10 ปีข้างหน้า ความคิดคุณจะเปลี่ยนไป

เพียง 3 ข้อนี้ก็ดีเพียงพอที่คุณจะตัดสินใจเลือกรถคันโปรดได้แล้ว
ขอให้โชคดี แต่ถ้าโชคไม่ดี ซื้อรถมีปัญหามาแล้ว ก็ขอให้รักรถของคุณให้มาก ๆ..
ความรักชนะทุกสิ่ง..จะรักซะอย่าง..ไม่กลัวแล้วความผิดหวัง..เพลงว่าไว้อย่างนั้น..

จงขับต่อไป..และต่อไป..เสียก็ซ่อม..เจ๊งก็ขาย..เท่านั้นเอง

(ข้อมูลจาก หนังสือขับรถอย่างมั่นใจ(สไตล์ผู้หญิง) สนพ.แบร์ พลับลิชชิ่ง จก.)
     

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ถ้อยคำที่ให้กำลังใจ

ถ้อยคำที่ให้กำลังใจ

       ในบางเวลาที่เราท้อถอย หรือหมดกำลังใจ บางครั้งเพียงแค่ดูหนังสักเรื่อง ฟังเพลงสักเพลง ได้พูดคุยกับคนถูกใจสักคน หรืออ่านวรรคทองเพียงประโยคเดียว.. ฉับพลันก็เกิดกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง
    วันนี้ขอนำถ้อยคำที่ให้กำลังใจมาฝากกัน และขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนที่กำลังต่อสู้กับทุก ๆ สิ่ง ^ -^


คุณจะไม่มีวันแพ้อย่างแท้จริง ถ้าคุณยังไม่ลดละความพยายาม
                                                            นิรนาม

คนที่ไม่เคยทำอะไรผิด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรใหม่
                                                            อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

สิ่งเดียวในชีวิตที่ได้มาโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม คือ ความล้มเหลว
                                                             นิรนาม

อย่าตำหนิคนที่พยายามล้มเหลว แต่จงตำหนิคนที่ล้มเหลวที่จะพยายาม
                                                            นิรนาม

เรือจอดเทียบท่าเป็นเรือที่ปลอดภัย แต่ไม่มีเรือลำไหนถูกสร้างมาเพื่อให้จอดที่ท่า
                                                            นิรนาม

อย่าร้องขอในสิ่งที่คุณสามารถหามาเองได้
                                                           นิรนาม

ความสำเร็จเป็นครูที่แย่ เพราะชอบล่อลวงคนที่ฉลาดให้คิดแต่ว่าพวกเขาแพ้ไม่ได้
                                                          บิลล์ เกทส์

ประสบการณ์คือครูใจร้าย เพราะจะทดสอบก่อนที่จะสอนบทเรียน
                                                         เวนอน ลอว์

ความถ่อมตัวไม่ได้หมายความว่าคุณคิดน้อยลงถึงตัวเอง
แต่หมายถึงคุณคิดถึงตัวเองน้อยลง
                                                         เคน บลานชาร์ด

บางครั้งคำว่าเสียงคนส่วนใหญ่ ก็หมายถึงคนโง่ที่มารวมตัวกันอยู่ข้างเดียว
                                                         นิรนาม

หนทางที่ดีที่สุดที่จะทำนายอนาคต ก็คือสร้างอนาคตขึ้นมา
                                                        นิรนาม

เราไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราโตขึ้น แต่เราโตขึ้นเพราะเราหยุดเล่น
                                                       จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์

ความท้าทายคือสิ่งที่น่าสนใจของชีวิต แต่การเอาชนะความท้าทายคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย
                                                    โจชัวร์ เจ มารีน

ความหวังไม่เป็นจริงเสมอ แต่เราหวังเสมอว่าจะเป็นจริง
                                                     โอวิด

คนที่ยากจนที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ไม่มีเงิน แต่คือคนที่ไม่มีฝัน
                                                     นิรนาม

ใครก็ตามที่รู้จักฝัน ก็ไม่มีที่แห่งไหนที่เขาไปไม่ถึง
                                                     นิรนาม

อย่าปล่อยให้ความผิดหวังวันวาน ตามมาบดบังความฝันของวันนี้
                                                    นิรนาม

คนเรามักไม่สังเกตสิ่งที่ทำไปแล้ว แต่จะสังเกตเห็นแต่สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
                                                   แมรี เคอร์รี

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ลาริสซา ริเกลเม แก้ผ้าเพื่อชาติ



ลาริสซา ริเกลเม นางแบบเซ็กซี่
ประกาศแก้ผ้าเพื่อชาติปารากวัย


ข่าวพี่หมึกพอลถึงกับเงียบไปทันที หลังจากข่าวนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ ลาริสซา ริเกลเม (Larissa Riquelme) แห่งชาติปารากวัย ที่เคยลั่นวาจาให้แฟนบอลทั้งโลกต้องตะลึง ว่าเธอจะแก้ผ้าวิ่งไปตามถนนในเมืองอซุนซิโอะ ประเทศปารากวัย หากทีมฟุตบอลปารากวัยได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก แต่ทีมปารากวัยทำสุดฝีเท้าได้เข้ามาถึงเพียง 8 ทีมสุดท้าย ริเกลเมก็ใจสปอตพอที่จะให้กำลังใจแฟนบอลประเทศตัวเอง ด้วยการแก้ผ้าให้กำลังใจชาติตัวเอง สร้างความเบิกบานและทำให้คนในชาติและคนทั่วโลกพลอยเบิกบานกันไปตาม ๆ กัน

ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่า "การแก้ผ้า" ก็ช่วยปรองดองสมานฉันท์ให้คนในชาติได้เช่นกัน ทำไมการได้เห็นภาพเปลือยเปล่าของสาวสวยจึงถือเป็นของขวัญยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ?

มองอย่างสร้างสรรค์ก็คือ การได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของคนอื่น ถือเป็นการปลดปล่อยความเครียด ปลดปล่อยกรอบความคิดของตัวเรา หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์ระเบียบแบบแผนที่สังคมกำหนดให้ทุกคนต้องใส่เสื้อผ้า การไม่สวมเสื้อผ้าจึงเป็นการปลดโซ่ตรวนต่อต้านอำนาจของสังคมในรูปแบบสันติอีกวิธีหนึ่ง ภาพเปลือยจึงแสดงถึงความเป็นอิสระ ยามที่เราได้เห็นภาพเปลือย ก็ทำให้หัวใจพลันตื่นเต้น และเบิกบานยิ่งนัก.. ราวกับได้กินยาอายุวัฒนะ ต่ออายุยืนไปอีกหลายปี

ถ้าเป็นประเทศไทย.. หากมีใครคิดจะแก้ผ้า เพียงไม่กี่นาที จะมีบรรดาผู้คนศีลธรรมจัดจ้าน ดาหน้าออกมาโหนกระแสตำหนิติเตียนทันควัน เพราะเป็นเรื่องผิดบาปร้ายแรง ให้อภัยไม่ได้ รับไม่ได้กับการแก้ผ้าของใคร ๆ ทั้งสิ้น ^ ^

นึกแล้วก็แปลกใจตัวเอง..ทำไมหนอ แก้ผ้าเพื่อชาติรับไม่ได้..แต่ฆ่าเพื่อชาติเรากลับยอมรับได้



ริเกลเม สุดเซ้กซี่ ขวัญใจหนุ่มปารากวัย

ปารีส พำนัก คน/รัก หนังสือ.


ปารีส พำนัก คน/รัก หนังสือ
หนังสือที่คนมีฝันควรอ่าน


ยิ่งอายุมากขึ้น เราจะยิ่งหาหนังสือถูกใจได้น้อยลง
อะไร ๆ ก็เคยอ่านมาแล้ว อะไร ๆ ก้รู้แล้ว ทำให้บางคนกลายเป็น "น้ำล้นแก้ว"
ที่ไม่ยอมรับอะไรใหม่ ๆ ทั้งที่ในโลกยุคไฮเทค มีของใหม่เกิดขึ้นทุกวัน

เมื่อหลายวันก่อน มีคนให้ฉันได้ลองจับเครื่องอ่านหนังสือที่เรียกหรูหราว่า Amazon kindle
ฉันอดตื่นเต้นไม่ได้ ที่เห็นตัวหนังสือสีเทาสบายตา ไม่ต่างจากที่ปรากฎบนกระดาษ
"เวลาจะซื้อหนังสือเล่มไหน เราก็สั่งซื้อไป เขาจะส่งมาให้แล้วก็ดาวน์โหลดมาอ่านในเครื่องนี้"
เจ้าของเครื่องผู้ใจดีให้ยืมหยิบจับ และยังช่วยอธิบายให้ฟังคร่าว ๆ

นั่นหมายถึงต่อไปในอนาคตข้างหน้าหนังสือดิจิตอลจะมีบทบาทแทนหนังสือที่พิมพ์ด้ววยกระดาษที่เราคุ้นเคย
โลกของการอ่านและการพิมพ์หนังสือกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง ๆ... แต่ถึงอย่างไรคนรักหนังสือ
ก็คงยังอยากได้หนังสือที่พิมพ์เป็นเล่มหยิบฉวยได้ ซึ่งให้อารมณ์แตกต่างจากการอ่านผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ

หลายเดือนก่อนฉันซื้อหนังสือแปลหน้าปกสวยชื่อ ปารีส พำนัก คน/รัก หนังสือ คนเขียนคือ jeremy mercer
เป็นเรื่องราวของบรรดานักเขียนดัง ๆ ที่เคยแวะมาพักพิงที่ร้านหนังสือ เชคสเปียร์ แอนด์ คัมปานี ในปารีส
ผู้เขียนร้อยเรียงเรื่องราวของผู้คนมากมายได้น่าสนใจ แต่ละคนมีฝันที่แตกต่างกันไป แต่ก็ดิ้นรนเพื่อไปให้ถึงฝันอย่างไม่เคยย่อท้อ..
ความคิดของผู้คนที่เป็นนักเขียน ความฝันของคนที่เป็นศิลปินนั้น เป็นแรงดลใจที่ดีสำหรับคนอ่านที่มีฝัน

ทั้งนักเขียนและศิลปิน แม้พื้นที่ยืนมีน้อยนิด พื้นที่กินก็น้อย แต่พื้นที่ฝันนั้นกว้างไกลเกินจินตนาการ
ความสุขของคนเราไม่ใช่แค่กินอิ่ม นอนหลับ มีเงินเต็มกระเป๋า แต่คนเราจำเป็นต้องมีฝันด้วยถึงจะสุขจริง

มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อหยุดอยู่กับที่ หายใจ กินและนอน ผ่านวันเดือนปีไปอย่างเงียบ ๆ

คุณจะไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ตลอดชีวิต..แต่ทำไมไม่ลองเป็นอะไรสักอย่างที่คุณฝันอยากเป็น
เรื่องน่าเศร้าก็คือ บางครั้งเราก็ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเราอยากเป็นอะไร ?

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พอล ปลาหมึกเทพ พยากรณ์บอลโลกแม่นสุด ๆ


ข่าวคราวบอลโลกที่ว่าดังแล้ว ยังต้องหลีกทางให้ ยอดปลาหมึกนักพยากรณ์วัย 2 ปี นามว่าพอล ออกตาปุส แห่งโอเบอร์เฮาเซน ประเทศเยอรมัน ที่ทายผลบอลได้แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งกว่าหมอดูฟันธง คอนเฟิร์ม รวมกับเซียนบอลทุกสำนัก คิดเล่น ๆ ว่าถ้าพี่หมึกพอลอยู่เมืองไทย ป่านนี้คงมีคนแห่ไปขอหวยจนอะควาเรียมแตกไปแล้ว
ไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมพี่หมึกพอลถึงได้ทายได้แม่นราวกับตาเห็น ทั้งๆ ที่วัน ๆ พี่พอลก็ไต่ไปมาอยู่แต่ในตู้กระจก ถ้าถามนักวิทยาศาสตร์ก็คงบอกเป็นความบังเอิญ ถ้าถามนักไสยศาสตร์ก็ต้องบอกนี่คือความศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าจะบังเอิญหรือศักดิ์สิทธิ์ เราก็ต้องให้เครดิตพอลเทพบุตรพยากรณ์ท่านนี้
ผลการทำนายของพอลที่แม่นยำเกินบรรยายที่ทำนายว่า เยอรมันจะชนะอังกฤษ เยอรมันชนะกานา เยอรมันชนะออสเตรเลีย ฯลฯ
ที่น่าตื่นเต้นคือวันนี้พี่พอล หมึกเทพ แม้จะรักเยอรมันเท่าชีวิต แต่ก็เลือกกินอาหารในกล่องธงชาติสเปน นั่นหมายถึงคืนนี้สเปนจะชนะเยอรมันผ่านเข้าไปรอบตัดเชือก..ทำให้แฟนบอลเยอรมันซึมเศร้าไปตาม ๆ กัน
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เพียงแค่ปลาหมึกตวัดหนวดเลือกอาหารจากกล่องที่ติดธงชาติสเปน ก็มีผลบีบหัวใจแฟนบอลเยอรมันทั่วโลกที่ติดตามข่าวพี่หมึกพอลกันอย่างใจจดใจจ่อ
ฉันแค่อยากรู้ตอนพอลเลือกกล่องอาหาร พอลคิดอะไร จิตปลาหมึกว่างมากจนเกิดอภินิหารเห็นอนาคตล่วงหน้า..หรือว่าแค่บังเอิญคันหนวดข้างนั้นพอดี
หรือบางครั้งความบังเอิญกับปฏิหารย์ล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน...
หากคนทั้งโลกคิดเช่นนี้..แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไปอยู่ที่ไหนกัน
หรือพี่หมึกพอลกำลังทำให้คนทั้งโลกตาสว่าง.. ^ - ^

เสียงสวรรค์..ที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งเปลี่ยนแปลง

ไม่ได้ขึ้นรถเมล์มานานหลายปี พอได้ขึ้นอีกครั้งก็ได้สัมผัสบรรยากาศเดิมทันที กี่ปีผ่านไป
รถเมล์ใหม่ขึ้น คนขับหนุ่มขึ้น แต่การขับรถเมล์ก็ยังคงวัฒนธรรมเหมือนเดิม ฉันนั่งตัวโยนโอนเอนไปมาขณะคนขับหนุ่มเหยียบคันเร่งดุดันสลับกับกดค้นเร่งอย่างเอาเป็นเอาตาย สลับกันไปมา บรรยากาศชวนระทึกใจ
เสียววูบวาบราวกับเจ้าสาวเข้าหอวันแรก...

ด้วยความว่างที่ไม่รู้จะหาอะไรทำดี จะฟังเพลงหรือจะโทรคุยกับเพื่อนก็เหมือนหูจะอื้ออึงเกินไป ฉันจึงเริ่มเพ่งพิศใบหน้าคนขับรถเมล์ อยากรู้ว่าเขามีความกดดันจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย(ไหน) ฉันมองเห็นคิ้วขมวดบนใบหน้า บ่งบอกว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ หากมีใครปาดหน้า หรือขอทาง รถคันนั้นอาจจะถึงคาดได้ เขาแบกหน้าบึ้งตึงไว้ตลอดเส้นทาง พร้อมด้วยตีนผีที่พร้อมพาผู้โดยสารไปลงนรก ฉันภาวนาว่าเมื่อไรกูจะได้ลงไปเสียที แม้จะเสียวได้ใจ แต่เป็นความเสียวที่ไม่สร้างความสุขแม้แต่น้อย แต่เป็นชนิดเสียวสยอง

ก่อนความตายจะมาเยี่ยมเยือน ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของคนขับหนุ่มดังขึ้น เขาขว้าขึ้นมารับอย่างโกรธเกรี้ยว ฉับพลันคิ้วขมวดก็คลายตัวออกจากกัน ฉันเห็นรอยยิ้มฟันขาวของเขาอย่างเบิกบาน ตีนผีของเขาออกจากร่างเขาอย่างทันควัน และกลายเป็นจังหวะนุ่มนวลชวนฝัน คนขับยิ้มอย่างมีความสุข

ฉันเดาเอาว่าต้องเป็นเสียงหญิงสาวอย่างแน่นอน..แต่เป็นใครนั้นก็ต้องไปถามดีเอสไอกันเอง ที่น่าสนใจก็คือไม่น่าเชื่อว่าเสียงของใครคนหนึ่ง จะมีพลังบันดาลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคน ๆ หนึ่งได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังวางสายไปแล้ว เขาก็เปลี่ยนจากคนขับรถเมล์เป็นกัปตันขับเครื่องบินที่แสนสุภาพ

บางครั้งเราอาจจะนึกไม่ถึงว่า คำพูดเพียงบางคำนั้นมีความหมาย..อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือทำให้คน ๆ หนึ่งให้มีความสุขได้อย่างน่าอัศจรรย์

วันนี้อย่าลืมโทรหาใครสักคน ที่คุณรู้ดีว่าคุณมีความหมายกับเขามากที่สุด ^ ^